นิ่วคืออะไร? | นิ่วเกิดได้โดยการรวมตัวจับเป็นก้อนของผลึกสารที่ละลายอยู่ในน้ำปัสสาวะ กับ สารคอลลอยด์ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ละลายอยู่ในน้ำปัสสาวะเช่นกัน |
a |
นิ่วเกิดขึ้นได้อย่างไร? | สาเหตุของการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะนั้น
ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่นอน
แต่เชื่อว่า
สภาวะต่อไปนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
จากการศึกษาทาง ระบาดวิทยา
พบว่าสาเหตุที่เกี่ยวข้องนั้นเกี่ยวข้องกับสาเหตุภายในร่างกายของผู้ป่วยเองและ
สภาพแวดล้อมตัวผู้ป่วย ก.สาเหตุความผิดปกติที่เกี่ยวกับภายในตัวผู้ป่วยเอง
ข.สาเหตุร่วมที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมตัวผู้ป่วย
|
a |
นิ่วมีกี่ชนิด? | นิ่วในทางเดินปัสสาวะมีหลายชนิด
มีส่วนประกอบแตกต่างกันไป
นิ่วบางก้อนมีสารประกอบเพียง
อย่างเดียว
นิ่วบางก้อนมีสารประกอบหลายชนิด
ปะปนกันอยู่ นิ่วส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ทราบได้จากการถ่ายภาพ x-ray คือเป็นนิ่วทึบแสง x-rayได้แก่นิ่วจำพวก แคลเซี่ยมออกซาเลท,แคลเซี่ยมคาร์บอเนท แคลเซี่ยมฟอสเฟต นิ่วที่เห็นจางๆในภาพฟิลม์ x-ray ก็เป็นนิ่วจำพวก ซีสตีน นิ่วโปร่งแสงซึ่ง x-ray ไม่เห็นก็จะเป็นนิ่วจำพวก ยูริค |
a |
จะทราบได้อย่างไร ว่ามีนิ่วในทางเดิน ปัสสาวะหรือไม่? |
เราจะทราบว่ามีนิ่วหรือไม่ในทางเดินปัสสาวะ
โดยทำการถ่ายภาพ รังสี x-ray กว่าร้อยละ 90 จะพบได้ ส่วนที่เหลือซึ่งการถ่ายภาพรังสี x-ray ไม่พบก็จะเห็นได้โดยการฉีดสารทึบแสงเข้าไปในหลอดเลือด หรือใส่ย้อน เข้าไปในท่อปัสสาวะ หรือ ท่อไต |
a |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไต จะมีอาการอย่างไร? |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้
ถ้าหากมีอาการต่อไปนี้ก็ให้สงสัยว่าเป็นโรคไต
หรือมีนิ่วในไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอวปัสสาวะขุ่น
ปัสสาวะเป็นเลือด หรือ
สีน้ำล้างเนื้อ หากมีการอักเสบ
ติดเชื้อร่วมด้วยก็จะมีไข้สูง
หนาวสั่น
ปัสสาวะเป็นหนองกลิ่นเหม็นคาว
หากมีการอุดตันร่วมด้วยก็จะมีก้อนในท้องส่วนบนซ้ายหรือขวาที่มีนิ่วอยู่ หากมีนิ่วที่ไต 2 ข้างและประสิทธิภาพในการทำงานเสื่อมไป ผู้ป่วยก็จะมีอาการ ปัสสาวะน้อยลง บวม โลหิตจาง คลื่นไส้ อาเจียน ผิวหนังแห้งคล้ำและคัน ผู้ป่วยอาจจะซึม หรือ ไม่รู้สึกตัว ถ้ามีของเสียค้างอยู่ในกระแสเลือดมาก |
a |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วในท่อไต จะมีอาการอย่างไร? |
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอว ปวดกิ่ว หรือ ปวดเป็นพักๆ ในข้างที่มีนิ่วข้างนั้นๆ อาจมีปวดร้าวมาท้องน้อย หน้าขา, ถุงอัณฑะ หรือ แคมอวัยวะเพศหญิง หากนิ่วอยู่ในท่อไตส่วนล่างใกล้กระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อย , ปัสสาวะขุ่นเป็นหนอง หากผู้ป่วยมีไตข้างเดียว หรือ มีนิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ผป.อาจไม่มีปัสสาวะออกมาเลย ผป.อาจบวมน้ำ หอบ เหนื่อย ประสาทสับสน หรือไม่รู้สึกตัวได้ |
a |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วใน กระเพาะปัสสาวะ จะมีอาการอย่างไร? |
ส่วนมากผป.จะมีอาการปวดปัสสาวะ,ปัสสาวะขัด,ปัสสาวะสดุด,ปัสสาวะขุ่น
หรือ ปัสสาวะเป็น สีเลือดจางๆ เมื่อหยุดเบ่งผป.ก็จะได้ปัสสาวะออกมาได้ใหม่และเกิดอาการขึ้นมาอีก |
a |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วใน ท่อปัสสาวะ จะมีอาการอย่างไร? |
นิ่วในท่อปัสสาวะจะหลุดลงมาจากกระเพาะปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ผป.จะมีอาการปวดเกิดขึ้นทันที ที่กำลังปัสสาวะ ปวดร้าวมาตามอวัยวะเพศ ลำปัสสาวะจะหยุดและออกเป็นหยดๆ หรือปัสสาวะไม่ออกมาเลยก็ได้ หากคลำดูตามท่อปัสสาวะก็จะคลำพบก้อนนิ่วแข็งๆได้ |
a |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วใน ระบบทางเดินปัสสาวะ จะมีแนวทางการรักษา อย่างไร? |
ผู้ป่วยที่มีนิ่วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า
1 cm มีอาการปวดบ่อยๆหรือ
ปวดรุนแรง,มีการอุดตันของทางเดินปัสสาวะซึ่งทำให้ไตโป่งพอง
มีขนาดโตขึ้น, ทำงานลดลง,มีการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วยมักจะให้การรักษาทางศัลยกรรม ผู้ป่วยที่ปัสสาวะมีนิ่วหลุดออกมาบ่อยๆ
เคยผ่าตัดแล้วเกิดมีนิ่วขึ้นมาใหม่
นิ่วก้อนโตขึ้นเรื่อยๆมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย
และมีความผิดปกติ
ในเมตาโบลิซึ่มของร่างกาย
ก็จะให้การรักษาเพื่อควบคุมป้องกันการเกิดนิ่วขึ้นใหม่
การโตของนิ่วก้อนเดิมโดยใช้ยาเฉพาะ |
a |
รักษาอย่างไร?เมื่อรู้ ว่าเป็น นิ่วในไต |
1.การรักษาโดยการเฝ้าดูใกล้ชิด
นิ่วที่ไม่มีอาการและมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า
1 cm.
จะติดตามโดยการตรวจปัสสาวะว่ามีการติดเชื้อหรือไม่จะทำการติดตามโดย
x-ray เป็นระยะ ดูการเปลี่ยนแปลงในขนาดของนิ่ว
การทำงานของไต
และการเปลี่ยนรูปร่างของไต 2.การรักษาโดยให้ยา
นิ่วที่ได้ทำการวิเคราะห์ว่าเป็นนิ่วชนิดใดแล้วก็อาจให้ยาละลายนิ่วได้ 3.การรักษาโดยการผ่าตัดเอานิ่วออก
เมื่อนิ่วมีขนาดใหญ่ ,ไตมีการอักเสบ
,ไตโป่งพอง หรือ 4.การรักษาโดยใช้เครื่องสลายนิ่วด้วยพลังเสียงเหมาะสำหรับนิ่วที่มีขนาดเล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3 ซม.และทางเดินปัสสาวะส่วนที่ต่ำกว่าไม่มีการตีบตัน เพื่อให้นิ่วที่สลายซึ่งมีขนาดเล็กลง สามารถผ่านปนมากับปัสสาวะได้ 5.การรักษาโดยใช้เครื่องส่องไตโดยผ่านรูระบายน้ำปัสสาวะจากไต
ที่เปิดออกบริเวณบั้นเอว |
a |
รักษาอย่างไร?ถ้า |
1.การรักษาโดยการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
นิ่วที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า
0.5 cm มักจะหลุดออกมาภายนอกได้เอง
ซึ่งสามารถทราบได้โดยการตรวจทางรังสี
x-rayเป็นระยะๆ
ดูการเคลื่อนที่ของก้อนนิ่วลงต่ำลงจากเดิมหรือไม่
อาจให้ยาขยายท่อไตให้กว้างขึ้น
และดื่มน้ำมากๆ 2.การรักษาโดยการใช้เครื่องส่องท่อไตเข้าไปทำการคีบหรือคล้อง หรือใช้คลื่นเสียง Ultrasonic และ laser กระแทกสลายนิ่ว ให้มีขนาดเล็กลง หรือใช้เครื่องสลายนิ่วด้วยพลังเสียง ถ้านิ่วอยู่ในท่อไตส่วนบนหรือส่วนล่าง หรือ หลังจากนิ่วในท่อไตถูกดันกลับเข้าไปอยู่ในกรวยไต 3.การรักษาโดยการผ่าตัด จะทำเมื่อนิ่วไม่มีการเคลื่อนที่ ไตมีการอักเสบ ไม่มีปัสสาวะไหลออก เช่นกรณีมีไตข้างเดียว หรือเป็นนิ่วในท่อไตทั้ง 2 ข้าง หรือให้การรักษาโดยใช้เครื่องส่องท่อไต หรือ สลายนิ่วแล้ว ไม่ประสบผลสำเร็จ |
a |
รักษาอย่างไร?ถ้ามีนิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะ |
1.ใช้วิธีขบออก
วิธีนี้ใช้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น,
นิ่วมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน
2cm โดยการสอดเครื่องมือขบนิ่ว
ผ่านท่อปัสสาวะเข้าไป 2.ใช้วิธีผ่าตัดหน้าท้อง จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยเด็ก , หรือมีนิ่วขนาดโตมาก หรือนิ่วที่แข็งมาก ไม่สามารถขบได้ หรือมีการอุดตันทางเดินปัสสาวะส่วนล่างทำให้ไม่สามารถถสอด เครื่องมือเข้าไปทำการขบนิ่วได้ |
a |
รักษาอย่างไร?
ถ้ามี นิ่วในท่อปัสสาวะ |
1.ใช้วิธีขบ
หลังจากสามารถดันนิ่วกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ 2.ใช้วิธีคีบออก ถ้านิ่วมาติดที่รูเปิดภายนอกท่อปัสสาวะ 3.ใช้วิธีผ่าตัดออกทางหน้าท้อง 4.ใช้วิธีผ่าตัดที่ท่อปัสสาวะ ตรงตำแหน่งที่นิ่วติดแน่น |
a |
จะป้องกันอย่างไร? ไม่ให้นิ่วเกิดขึ้น มาใหม่อีก |
หลังจากได้ปัสสาวะมีนิ่วตามมาเอง
หรือ ได้รับการผ่าตัดออกมาแล้ว
แพทย์จะวินิจฉัยส่วนประกอบของนิ่ว
และหาสาเหตุของการเกิดนิ่ว
แล้วจะทำการแก้สาเหตุนั้นๆ เช่น
ต่อมทัยรอยด์หลั่ง hormone
ออกมามากกว่าปกติ ,
แก้การตีบตันของทางเดินปัสสาวะ
ให้ยาลดระดับกรดยูริค,ซีสตีน
ควบคุมเรื่องอาหาร
โดยเว้นอาหารที่มีส่วนประกอบที่เป็นนิ่วนั้น
และดื่มน้ำมากๆมิให้ปัสสาวะเข้มข้น
เป็นการป้องกันมิให้เกิดการตกผลึกของสารเกิดขึ้นมาได้ ในอนาคต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะของเด็กไทยจะลดลง หรือหายไป เมื่อภาวะโภชนาการในเด็กไทยของเราดีขึ้น |
ดัดแปลงจาก บทความในหนังสือโรคนิ่วและทางเดินปัสสาวะสำหรับประชาชน
โดย ศ.นพ.วรวัฒน์ ชุมสาย ณ อยุธยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
This web is created and designed by หมออู๋
1 September 1999
Copyright (c) 1998-1999, ThaiClinic.com. All Right Reserved.