ต่อมทอนซิลอักเสบ(Tonsillitis)
ต่อมทอนซิล(Tonsils) เป็นต่อมน้ำเหลือง
(Lymphoid tissue) กลุ่มหนึ่งในร่างกาย ประกอบด้วย
ต่อมทอนซิลหลังโพรงจมูก(หรือต่อม
Adenoid), ต่อมทอนซิลที่โคนลิ้น (Lingual
Tonsil) และต่อมทอนซิลที่อยู่ในช่องปาก
ที่เราเห็นกันเป็นส่วนใหญ่
ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อย ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มักเกิดจากเชื้อ
แบคทีเรีย ผู้ป่วยมักมีอาการ
ไข้สูง,เจ็บคอมาก
โดยเฉพาะเวลากลืน อาการปวดในบางรายจะร้าวขึ้นไปถึงหู เวลาตรวจในช่องปาก
จะพบต่อมทอนซิล
บวมแดง
ขนาดใหญ่ขึ้น และมีเยื่อขาวๆปกคลุม
การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบระยะเฉียบพลัน
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
1.
ใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ที่มีประสิทธิภาพดี โดยแพทย์ควรเป็นผู้สั่งให้
ปัจจุบันเชื้อแบคทีเรียมีปัญหาดื้อยาได้บ่อย
2.
ดื่มน้ำมาก เนื่องจากผู้ป่วยเจ็บคอมากมักจะดื่มน้ำค่อนข้างน้อย
3.
พักผ่อนให้เต็มที่
4.
ในรายที่ให้ยาปฏิชีวนะแบบกินแล้วไม่ได้ผล อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
เช่น เป็นฝีข้าง ต่อมทอนซิล (Peritonsillar Abscess)
ซึ่งจำเป็นต้องเจาะระบายหนองออก และให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด
การผ่าตัดต่อมทอนซิลออก
มีข้อพิจารณา เช่น
1.
ต่อมทอนซิลอักเสบบ่อย เช่นมากกว่าปีละ 2-3 ครั้ง หรือการอักเสบแต่ละครั้งมีอาการรุนแรง
2.
ผู้ป่วยมีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ จาก ต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่
3.
ผู้ที่เป็นพาหะนำเชื้อ โรคคอตีบ (Diptheria)
การผ่าตัดต่อมทอนซิล ขั้นตอนการผ่าตัดไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้ทั้งแบบยาชาเฉพาะที่
หรือ ดมยาสลบ
การผ่าตัดจะผ่าในช่องปาก(คล้ายถอนฟันคุด)
หลังผ่าตัดจะพักใน รพ. 1 คืน ก็สามารถกลับบ้านได้
ใช้เวลาพักฟื้นที่บ้าน
4-5 วัน ก็สามารถทำงานได้ตามปกติ หลังผ่าตัด ช่วงแรกผู้ป่วยจะทานอาหารเหลว
ในช่วง
2-3 วันแรก เนื่องจากจะเจ็บคอจากแผลผ่าตัด หลังจากนั้นจะทานได้ตามปกติ
การผ่าตัดต่อมทอนซิลออก ไม่ทำให้เสียงขาดหายไป เนื่องจากไม่ได้ทำการผ่าตัดที่บริเวณ
กล่องเสียง
และภูมิต้านทานของร่างกายไม่ได้ลดลง
เนื่องจาก ต่อมทอนซิลที่ควรจะผ่าตัดนั้น มักมีการอักเสบเรื้อรังมาก
และมีเชื้อโรคสะสมภายในเป็นจำนวนมาก
ไม่สามารถจะทำหน้าที่ช่วย กรองเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
และเชื้อโรคกับหินปูนที่สะสมอยู่ในต่อมทอนซิล
ยังเป็น ต้นเหตุสำคัญของกลิ่นปาก
แต่การผ่าตัดก็จะทำเฉพาะในรายที่มีข้อบ่งชี้เท่านั้นครับ
โดย
นพ.ดำรงค์ เลาหะพรสวรรค์ แพทย์ หู คอ จมูก
This
Web Page Design & Created by Dr.OU
3
July 1998
Copyright
(c) 1998. ThaiClinic.com. All rights
reserved.