จากรายงานล่าสุดของ National Sleep Foundation พบว่า 75
เปอร์เซนต์ของผู้ใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการง่วงเหงาหาวนอน
เพราะระหว่างการนอนหลับนั้น จะตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อย
และบางรายมีอาการกรน
และคนส่วนใหญ่ ก็จะละเลยที่จะให้ความสนใจกับปัญหาดังกล่าว โดย
Richard Gelula
ผู้บริหารของ National Sleep Foundation กล่าวว่า
คนครึ่งประเทศนอนหลับดี
แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้น มีปัญหาเรื่องการนอน
คำถามที่มีก็คือ แล้วจะโทษอะไรดี? จากการสำรวจผู้ใหญ่ 1,500 คน พบว่า
87 เปอร์เซ็นต์ จะดูโทรทัศน์ 1 ชั่วโมงก่อนนอน และ47 เปอร์เซ็นต์
จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนนอน และ64 เปอร์เซ็นต์ อ่านหนังสือก่อน
ในจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจนั้น มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่บอกว่า
เขานอนหลับสบายตลอดคืน ซึ่งทำให้สรุปออกมาได้ว่า คนอเมริกัน
นอนไม่เพียงพอ
นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลอีกว่า เกือบ 1 ใน 4
ของผู้ที่แต่งงานแล้ว บอกว่า พวกเขามีเพศสัมพันธ์น้อยลง
หรือไม่สนใจในเรื่องนี้เลย เพราะรู้สึกง่วงนอนมากเกินไป
ดังนั้น ทาง National Sleep Foundation จึงแนะนำว่า ผู้ใหญ่
ควรจะได้รับการนอนหลับพักผ่อนระหว่าง 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน
แต่จากการสำรวจนั้น พบว่า
เวลาในการนอนพักผ่อนโดยเฉลี่ยของคนอเมริกัน อยู่ที่ 6.9 ชั่วโมง
ในรายงานยังระบุอีกว่า 60 เปอร์เซนต์ของผู้ขับขี่ ยอมรับว่า
พวกเขาง่วงนอนระหว่างการขับขี่ ในช่วงปีที่ผ่านมา และ 4 เปอร์เซ็นต์
บอกว่า พวกเขาประสบอุบัติเหตุ หรือเกือบจะประสบอุบัติเหตุ
เพราะเหนื่อยและง่วงในขณะขับรถ เกือบร้อยละ 30
ของพนักงานที่ทำงานรับจ้างบอกว่า เขาเคยทำงานพลาด
เพราะความง่วงมาแล้ว ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 77 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า
คู่นอนมีปัญหาการนอน และกรน
Dr.Meir Kryger ผู้อำนวยการของ Sleep Disorders Center
ที่ศูนย์วิจัยโรงพยาบาล
St.Boniface บอกว่า เขาค้นพบว่า เมื่อคู่สมรสต้องการจะแยกกันนอน
นั้นเป็นเพราะปัญหาเรื่องการนอนของอีกฝ่ายหนึ่ง และการกระทำเช่นนั้น
เป็นสิ่งที่เลวร้ายและส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดี
นอกจากนั้น ยังพบอีกว่า มากกว่า 3 ใน 4 ของคนอเมริกัน บอกว่า
พวกเขานอนหลับไม่ดีเลย
และมันก็เริ่มจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคู่สมรส
พวกเขารู้สึกง่วงเกินกว่าที่จะมีกิจกรรมใด ๆ ก่อนนอน ในขณะที่มีเพียง
8 เปอร์เซนต์เท่านั้น ที่บอกว่า พวกเขานอนหลับสบายดี