Maryann Martinkus กล่าวว่า "ฉันอยากให้คนอื่น ๆ ปฏิบัติต่อฉันเหมือนเมื่อก่อน และอยากให้คนรู้จักกับฉันเหมือนกับตอนที่ฉันยังไม่เจ็บป่วย"
Maryann เป็นหนึ่งในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจำนวน 192,000 คน ที่เข้ารับการบำบัดรักษาในปีนี้ เมื่อก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่กระฉับกระเฉงคนหนึ่ง แม้จะมีหลานยายแล้วก็ตาม เธอมีผมสีบลอน ที่ได้รับการดูแลตัดแต่งให้เข้าทรงและย้อมสีผมเป็นประจำทุก ๆ 4 สัปดาห์ ก่อนที่วิธีการรักษาโรคมะเร็งด้วยการบำบัดทางเคมี ที่เรียกว่า Chemotherapy ซึ่งทำให้ผมของเธอหลุดร่วงออกไปหมด และทำให้เธอหมดความมั่นใจในตัวเองลงไปพร้อม ๆ กัน
Maryann กล่าวอีกว่า "คนแปลกหน้าจะมองดูคุณด้วยสายตาที่แปลกออกไป บางคนก็จะปฏิบัติกับเราด้วยวิธีการที่ทำให้ความรู้สึกของเราแย่ลงไปอีก" นั่นทำให้ Marryann คิดขึ้นมาว่า เธอต้องการจะรู้วิธีการใช้วิกผม การแต่งหน้าแต่งตา เพื่อให้ตัวเองดูดี ดูสดชื่นขึ้นมาเหมือนกับคนปกติ เธอจึงได้เข้ารับการอบรมเทคนิคต่าง ๆ ในการดูแลภาพลักษณ์ของตัวเอง ที่
American Cancer Society ซึ่งได้จัดโครงการชื่อ "Look Good Feel Better" ขึ้น
โครงการดังกล่าวนี้ ไม่ใช้แค่การทำให้ผู้ป่วยดูสวยขึ้นเท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ป่วยบอกว่า
การใส่วิกผม และการแต่งหน้า เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะ มันเหมือนกับเป็นการเรียกคืนในสิ่งที่ผู้หญิงเหล่านั้นได้สูญเสียมันไปแล้วให้กลับมาได้
Lisa Kaplan-Melnick ผู้ที่ได้รับการบำบัดรักษาโรคมะเร็งจนหายเมื่อ 11 ปีก่อน เล่าว่า ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 25 ปี
และได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเกี่ยวกับการรวบรวม
สถิติการรักษาผู้ป่วย และเธอก็พบว่า การบำบัดทางเคมีนั้น เป็นสิ่งที่เธอสามารถจะทนรับได้ ถ้าตัวของเธอนั้นยังคงดูดีอยู่ และเธอก็นำเอาแนวคิดดังกล่าวนี้ มาดัดแปลงจนกลายเป็นธุรกิจขึ้นมาได้ เธอหันมาจำหน่ายวิกผม และพลาสติกเสริมเต้านม ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง นอกจากนั้นยังเปิดบริการรับคำปรึกษาเพื่อความมั่นใจในตัวเองของผู้ป่วยให้กลับคืนมา
Lisa บอกว่า "คุณจะได้เห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกทั้งหมดนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ยืนยืดอกและพูดคุยเข้าสังคมได้ด้วยความมั่นใจ "
ขณะเดียวกัน ก็มีผลจากการเก็บสถิติว่า
แพทย์เชื่อว่า การที่ผู้ป่วยดูดีขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปมากขึ้น
Dr. Jimmie Holland แห่ง Memorial Sloan-Kettering Cancer Center กล่าวว่า "การที่คุณดูดีขึ้น นั่นหมายถึงคุณมีแนวโน้มที่จะรู้สึกดีขึ้น และสามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งโรคร้ายได้ดีขึ้น
สำหรับโครงการ
"Look Good Feel Better" นี้มีขึ้นในเมืองชิคาโก โดยผู้เข้าโครงการจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการที่จะเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดย Marryann บอกว่า โครงการนี้ ทำให้ความรู้สึกของเธอผ่อนคลายมากขึ้น ได้รู้จักวิธีการใช้วิกผมและการแต่งตัวแต่งหน้าอย่างเหมาะสม เรียกความมั่นใจในตนเองให้กลับคืนมาได้ "ฉันคิดว่าภาพลักษณ์ของฉันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าดูดีขึ้น"
Cover Story from MSNBC
http://www.msnbc.com/news/601173.asp