ไตวายเรื้อรัง
ภาวะไตวายเรื้อรังเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการสูญเสียหน้าที่ของไตอย่างช้าๆและถาวร
การวินิจฉัยภาวะนี้
อาจได้จากการตรวจพบหรือมีประวัติไตวายฉับพลันมานานเกิน 3
เดือน หรือมีการตรวจพบว่าขนาดของไตเล็กลงกว่าปกติ
ผู้ป่วยอาจจะมีกลุ่มอาการที่เกิดจากของเสียคั่งที่เรียกว่า
ยูรีเมียคือมีอาการ ซีด เพลีย เบื่ออาหาร ผิวแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน และสะอึก
สำหรับอาการบวมน้ำหอบเหนื่อย อาจจะมีหรือไม่ก็ได้
ถ้ามีอาการเหล่านี้มาก หรือมีภาวะที่อันตรายอื่นๆ ของยูรีเมีย เช่น ซึม ชัก มีเลือดออกแล้วหยุดยาก
เยื่อบุหัวใจอักเสบ หรือมีค่าของเสียคั่งค้างมาก
ซึ่งบ่งบอกว่าการทำงานของไตเหลือไม่ถึง 5-10%
จะเป็นภาวะที่เรียกว่าไตวายระยะสุดท้าย
( End state renal disease : ESRD
จะไม่สามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาแต่เพียงอย่างเดียว
แต่จะต้องทำการรักษาด้วย
วิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้คือ
1. การล้างไตทางหน้าท้อง Peritoneal dialysis
2. การล้างไตทางเลือด Hemodialysis
3. การปลูกถ่ายไต ( Renal transplantation )
การล้างไตทางหน้าท้อง ( Peritoneal dialysis )
การล้างไตทางหน้าท้อง มีการพัฒนามาร่วม 70 ปีมาแล้ว อาจทำเป็นแบบชั่วคราว
ซึ่งล้างได้ประมาณ 72 ชั่วโมง สำหรับผู้ป่วยไตวายฉับพลัน หรือแบบถาวร
ซึ่งจะทำการล้างท้องอย่างต่อเนื่อง
มีหลักการคือใส่น้ำยาที่สะอาดประกอบไปด้วยเกลือแร่ที่เหมาะสม ลงไปในช่องท้อง
และทิ้งไว้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ก็จะมีการดึงของเสียจากเลือดลงมาอยู่ในน้ำนี้จากนั้นถ่ายเทน้ำออก
และใส่น้ำใหม่เข้าไป
และทิ้งไว้อีก กระทำแบบนี้ไปเรื่อยๅ
วิธีหนึ่งที่ทำบ่อยคือทำทุกวันวันละ 4 รอบ
โดยผู้ป่วยต้องมา
รับการใส่สายทางช่องท้องก่อน
และมารับน้ำยาไปเปลี่ยนทำเองที่บ้านหรือที่ทำงานได้
มีข้อดีคือไม่ต้องขาดงานไม่เสียเวลามาโรงพยาบาลบ่อยๆ
ผู้ป่วยจะทานอาหารได้โดย
ไม่ต้องคุมอาหารมากนักและมักจะแข็งแรงพอสมควร
แต่ก็ต้องมีสายทางหน้าท้องตลอด
ภาวะที่แทรกซ้อนที่พบบ่อยคือน้ำยาติดเชื้อจึงต้องมีการระวังความสะอาดและ
ฝึกเปลี่ยนน้ำยาโดยวิธีที่ปลอดเชื้อ
ในทางการแพทย์ ข้อที่เหมาะสมของการล้างไตวิธีนี้โดยคร่าวๆได้แก่
ผู้ที่ไม่สามารถจะล้างไตทางเลือดได้ เช่น มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
มีหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่มีเส้นเลือดที่แข็งแรงพอที่จะล้างไตทางเลือด
ข้อห้ามของการล้างไตวิธีนี้ได้แก่
-
มีภาวะพังผืดในท้องมากจากการผ่าตัดเก่าที่บริเวณหน้าท้อง
-
มีการวางท่อระบายอุจจาระทางหน้าท้อง
-
มีโรคถุงลมโป่งพองและในผู้ป่วยที่อาจจะหายใจลำบากเมื่อมีการปล่อยน้ำเข้าทางหน้าท้อง
ส่วนภาวะที่เป็นข้อที่ควรระวังแต่ไม่ถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาดได้แก่
ภาวะไส้เลื่อน ไขมันในเลือดสูง หรืออ้วน เป็นต้น
การล้างไตทางเลือด (Hemodialysis )
มีหลักการคือให้ของเสียจากเลือดซึมผ่านตัวกรองมายังน้ำยา ซึ่งเรียกว่า
ไดอะไลเสท การล้างไตวิธีนี้ จะต้องมีเครื่องล้างไต ซึ่งจะมีตัวกรองแยกต่างหาก
ตัวกรองมีลักษณะเป็นท่อนกลมคล้ายกระบอก
ไม้ไผ่ยาวประมาณ 15-20 ซ.ม. ในตัวกรองที่เล็กแค่นี้ประกอบไปด้วยหลอดเล็กนักหมื่นหลอดอยู่ข้างใน
หลอดนี้จะเป็นทางเดินของเลือดผู้ป่วย หลอดทั้งหมดจะจุ่มในน้ำยา
ไดอะไลเสทซึ่งวิ่งผ่านหลอด
เหล่านี้ตลอดเวลา
ผู้ป่วยจะต้องมารับการล้างไตด้วยเครื่องล้างไต ที่โรงพยาบาล
โดยมาทำอาทิตย์ละประมาณ 2-3 ครั้ง และครั้งละประมาณ 5 ชั่วโมง
จึงเป็นการเสียเวลาที่ต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆ
แต่ก็มีข้อดีที่ไม่มีสายหน้าท้องติดตัวตลอด เช่นในการล้างทางหน้าท้อง
ผู้ที่จะรับการล้างไตทางเลือด
อาจทำเป็นชั่วคราวโดยการแทงสายที่จะสอดเข้าเส้นเลือดที่บริเวณคอ ไหล่และขาหนีบซึ่งจะใช้ได้ไม่นานอาจจะประมาณ 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน
แต่ในการทำเป็นการถาวร
ต้องมีการผ่าตัดต่อเส้นเลือดซึ่งมักจะทำที่แขนจากนั้นประมาณ 1-2
เดือนเส้นเลือดที่แขน
ก็จะขยายตัวเป็นเส้นใหญ่
เมื่อมีการล้างไตก็จะมาแทงเส้นเลือดที่แขน
การล้างไตทางเลือดเหมาะในผู้ที่ล้างทางหน้าท้องไม่ได้เพราะมีข้อห้ามในการล้าง
ทางหน้าท้อง
การปลูกถ่ายไต หรือการเปลี่ยนไต ( Renal Transplantation)