7
คำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
1)
สัตว์อะไรบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้า?
ที่พบมากที่สุดคือสุนัข รองลงมาคือแมว
ม้า ลิงและปศุสัตว์(วัว,ควาย) สัตว์แทะจำพวกหนู
กระรอก
กระแต มีรายงานว่าพบเชื้อไวรัสในน้ำลายได้ แต่พบน้อย
2)
ถ้าถูกสัตว์กัดจะมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเพียงใด?
-ถ้าสัตว์ที่กัดไม่ได้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า
จะไม่มีโอกาสเป็นโรค
-ถ้าไม่ทราบว่าสัตว์เป็นโรคหรือไม่
ต้องคิดว่าสัตว์เป็นโรคไว้ก่อน
-ผู้ที่ถูกสุนัขหรือสัตว์ที่เป็นโรคกัด
ไม่ป่วยเป็นโรคทุกราย โอกาสเป็นโรคโดยเฉลี่ยประมาณ
35% ขึ้นกับบริเวณที่ถูกกัด
ถ้าถูกกัดที่ขา
โอกาสเป็นโรคประมาณ 21 %
ถ้าถูกกัดที่ใบหน้า
โอกาสเป็นโรคประมาณ 88 %
ถ้าแผลตื้น
แผลถลอก โอกาสเป็นโรคจะน้อยกว่า แผลลึกหลายๆแผล
3)
เชื้อติดต่อมาสู่คนได้อย่างไร?
เชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลาย ทางติดต่อสู่คนที่พบบ่อยคือถูกกัด
โดยทั่วไปเชื้อจะเข้าทางผิวหนังปกติไม่ได้
แต่อาจเข้าทางผิวหนังที่มีบาดแผลอยู่เดิม
หรือรอยข่วน นอกจากนี้ยังเข้าได้ทางเยื่อเมือก(mucosa)
ได้แก่เยื่อบุตา
เยื่อบุจมูก
ภายในปาก ทวารหนัก และ อวัยวะสืบพันธุ์ แม้ว่าเยื่อเมือกจะไม่มีบาดแผล
สำหรับทางติดต่อที่มีใน
รายงานแต่พบน้อย ได้แก่ ทางการหายใจ, ทางการปลูกถ่ายกระจกตา
4)
ถูกสุนัขบ้ากัด นานเท่าใดจึงมีอาการ?
ระยะเวลาตั้งแต่ได้รับเชื้อจนกระทั่งปรากฏอาการของโรคพิษสุนัขบ้า หรือที่เรียกว่าระยะฟักตัว
จะแตกต่างกันได้มาก
พบได้ตั้งแต่ 4 วันจนถึง 4 ปี ผู้ป่วยประมาณ
70% จะเป็นโรคภายใน 3 เดือน
หลังถูกกัด,
ประมาณ 96% จะเป็นโรคภายใน 1 ปีหลังถูกกัด แต่ส่วนมากมักมีอาการในช่วงระหว่าง
สัปดาห์ที่ 3 จนถึงเดือนที่ 4
5)
สุนัขที่เป็นโรคอาการเป็นอย่างไร?
สุนัขที่ป่วยจะเริ่มปล่อยเชื้อออกมาทางน้ำลายตั้งแต่
3 วันก่อนมีอาการ ไปจนถึง 2 วันหลังมีอาการ
หลังจากนั้นจะปล่อยเชื้อออกมาทางน้ำลายตลอดเวลาจนกระทั่งตาย
-ระยะฟักตัว
พบบ่อยในระยะ 3-8 สัปดาห์ แต่พบได้ตั้งแต่ 10 วันจนถึง 6 เดือน
-อาการของโรคแบ่งได้
2 แบบ คือ
แบบดุร้าย
เป็นแบบที่พบบ่อย
แบบซึม
จะแสดงอาการไม่ชัดเจน
-อาการของโรคแบ่งได้
3 ระยะ
1.
ระยะอาการนำ สุนัขจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
เช่น จากเคยเชื่อง ชอบเล่นกลายเป็นซึม กินข้าวกินน้ำ น้อยลง
ระยะนี้กินเวลา
2-3 วันก่อนเข้าระยะที่สอง
2.
ระยะตื่นเต้น เป็นอาการทางระบบประสาท
สุนัขจะกระวนกระวาย ไม่อยู่นิ่ง กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า ตัวแข็ง น้ำลายไหล
ลิ้นห้อย
ต่อมามีกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น ระยะพบได้
1-7 วันก่อนเข้าระยะท้าย
3.
ระยะอัมพาต จะเกิดอาการอัมพาตทั่วตัว
ถ้ามีอาการอัมพาตสุนัขจะตายใน 24 ชม. รวมระยะเวลาที่เริ่มมีอาการ
จนถึงตายจะไม่เกิน
10 วัน ส่วนใหญ่ตายใน 4-6 วัน
ในแบบซึมอาจมีระยะอัมพาตนานได้ถึง
2-4 วัน และ ในสุนัขที่เป็นโรคที่พิษบ้าจะไม่แสดง อาการกลัวน้ำให้เห็น
6)
อาการพิษสุนัขบ้าในคนเป็นอย่างไร?
แบ่งได้ 2 แบบคล้ายสัตว์ คือ แบบกระสับกระส่าย,ดุร้าย(เกิดจากเชื้อไวรัสเพิ่มจำนวนอยู่ในสมองมาก)แบบนี้พบได้บ่อย
และ
แบบอัมพาต (เกิดจากเชื้อไวรัสเพิ่มจำนวนมากในไขสันหลัง)
อาการในคนแบ่งได้
3 ระยะ
1.
ระยะอาการนำ จะเริ่มมีไข้ อ่อนเพลียคล้ายไข้หวัด
อาจมีปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน อาการที่แปลกไป
คือ
อารมณ์เปลี่ยนแปลง กังวล กระสับกระส่าย
นอนไม่หลับ
อาการนำที่ชัดเจนที่พบบ่อยในคนไทย
คือ อาการคันรอบๆบริเวณที่ถูกกัด หรือคันแขนขาข้างที่ถูกกัด อาจมีอาการชา
เจ็บเสียวรอบๆบริเวณที่ถูกกัด
2.
ระยะอาการทางระบบประสาท แบ่งย่อยได้เป็น
-อาการกลัวน้ำ
จะมีอาการตึง แน่นในลำคอ กลืนอาหารแข็งได้
แต่กลืนอาหารเหลวลำบาก เวลากินน้ำจะสำลัก
และเจ็บปวดเนื่องจากกล้ามเนื้อใน
ลำคอกระตุกเกร็ง
ภาพที่อธิบายไว้ถึงอาการกลัวน้ำ
คือ ผู้ป่วยหิวน้ำ พยายามเอื้อมมือหยิบถ้วยน้ำมาจิบช้าๆ
แต่พอถ้วยยาแตะริมฝีปาก
ผู้ป่วยเริ่มมือสั่น หายใจสะอึก เห็นกล้ามเนื้อลำคอกระตุกเกร็ง
แหงนหน้าขึ้น
พ่นน้ำพ่นน้ำลายกระจายทั่ว ถ้วยหล่นจากมือพร้อมทั้งเปล่งเสียงร้อง
แสดงความเจ็บปวดไม่เป็นภาษาคน
บางคนที่กล้ามเนื้อควบคุมสายเสียงเป็นอัมพาต
จะได้ยินคล้ายเสียงหมาเห่าหอน
ผู้ป่วยจะตายใน 2-3 วันหลังจากมีอาการกลัวน้ำ
-อาการกลัวลม
ผู้ป่วยจะสะดุ้งผวาเมื่อถูกลมพัด
-อาการประสาทไว
ผู้ป่วยจะกลัว สะดุ้งเกร็งต่อสัมผัสต่างๆ ไม่ชอบแสงสว่าง
ไม่อยากให้ใครมาถูกต้องตัว
-อาการคลุ้มคลั่งประสาทหลอน
ผู้ป่วยอาจอาละวาด ดุร้ายน่ากลัว
-อาการอื่นๆ
เช่นมาด้วยอัมพาต
3.
ระยะสุดท้าย ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
เข้าสู่ระยะโคม่า
ในผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา จะมีชีวิตไม่เกิน 7 วัน หลังจากเริ่มอาการนำและอยู่ไม่เกิน
3 วัน
หลังมีอาการทางระบบประสาท
7)
ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อถูกสุนัขข่วน,กัด ?
1.
รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่หลายๆครั้ง พยายามล้างให้เข้าถึงรอยลึกของแผล
ถ้าไม่มีสบู่ใช้ผงซักฟอกแทนก็ได้
2.
ทำความสะอาดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเช่น 70% alcohol
3.
ถ้าแผลฉกรรจ์มีเลือดออก ควรปล่อยให้เลือดออกระยะหนึ่งเพื่อล้างน้ำลายซึ่งอาจมีเชื้อไวรัสออก
4.
ถ้าสามารถเฝ้าดูอาการสัตว์ (กรณีที่มีเจ้าของ หรือทราบตัวเจ้าของ)
ควรกักขังและเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 10 วัน
5.
กรณีที่สัตว์ตาย ควรนำส่งเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย
6.
ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และ วัคซีนป้องกันบาดทะยักทันที
ไม่ว่าจะสามารถเฝ้าดูอาการได้หรือไม่
โดยเฉพาะสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของหรือกัดแล้วหนี
ควรมา
รพ.ทันที ไม่ควรและไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้สุนัขมีอาการก่อน เพราะระยะฟักตัวทั้งในคนและสัตว์ไม่แน่นอน
(เป็นช่วงที่กว้าง)
คนอาจมีอาการก่อนสัตว์ได้
7.
ประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าของสัตว์,สัตว์มีเจ้าของไม่เคยออกนอกบ้าน
ไม่เคยไปกัดกับใคร
อาจช่วยลดโอกาสการเป็นโรคของสัตว์ดังกล่าวลง
แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เป็นโรค เพราะฉะนั้นควรปฏิบัติ
ตามข้อ1-6
เหมือนเดิม
8.
กรณีที่เป็นแผลฉีกขาด อาจทำแผลไปก่อน โดย ยังไม่ต้องเย็บแผลเนื่องจากแผลสกปรก
โอกาสติดเชื้อจะสูงมาก
โดยเฉพาะถ้าเย็บแผล
โดย
นพ.ธเนศ พัวพรพงษ์ ศัลยแพทย์
This
Web Page Design & Created by Dr.OU
3
July 1998
Copyright
(c) 1998. ThaiClinic.com. All rights
reserved.