สวัสดีค่ะขอตอบข้อสงสัยเรื่องมะเร็งตับนะคะ
ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่ามะเร็งตับนั้นจะแบ่งออกเป็นสองชนิดใหญ่
ชนิดแรกคือมะเร็งตับปฐมภูมิ
คือเกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดที่อยู่ในเนื้อตับจริงๆ
ซึ่งในกลุ่มนี้เองมีสองชนิดใหญ่ๆคือ hepatocellular carcinoma หรือ
hepatoma
และอีกชนิดคือมะเร็งของเซลล์ท่อทางเดินน้ำดี ที่เรียกว่า
cholangiocarcinoma
ชนิดใหญ่ชนิดที่สองคือ
มะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากอวัยวะอื่นก่อนแล้วค่อยแพร่กระจายเข้าไปในตับ
ซึ่งโดยมากก็จะเป็นจากลำไส้ ปอด เต้านมเป็นต้น
สองกลุ่มนี้วิธีการรักษาจะค่อนข้างต่างกันค่ะ
เพราะความไวของเซลล์ต่อยาต่างกัน....แต่โดยมากถ้าหมอบอกว่าเป็นมะเร็งตับ
โดยมากจะหมายถึงกลุ่มแรกคือเกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดในตับโดยตรง..ซึ่งทั้งสองอันไม่ว่าจะเป็น
hepatoma หรือ cholangiocarcinoma
สามารถที่จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ค่ะ
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ถือว่าเป็นระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย..
ไม่ว่าจะเป็น hepatoma หรือ cholangiocarcinoma
เมื่อถึงระยะนี้แล้วโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้นั้นยากมากค่ะ
แทบเรียกได้ว่าไม่ค่อยจะมี...แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไข้จะต้องเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วนะคะ
มักจะขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้รอยโรคในตับมันรุนแรงแค่ไหนแล้วมากกว่า
เพราะถ้าคนไข้จะเสียชีวิตก็มักจะเกิดจากภาวะตับวาย
คือมีรอยโรคในตับที่มากจนตับที่เหลืออยู่น้อยมากจนทำงานไม่ไหวนั้นแหล่ะค่ะ
มักจะไม่ได้เสียชีวิตจากรอยโรคที่อื่น....
วิธีการรักษา
จุดมุ่งหมายคงเพื่อประคับประคองเท่านั้น
ลดความเจ็บปวดทรมานและให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
1. การควบคุมจำเพาะ เพราะบางทีถ้าก้อนโตมากในตับ
จะก่อนปัญหาเรื่องปวดแน่นท้อง
ถ้ารอยโรคมีก้อนใดก้อนหนึ่งหรืออยู่คอ่นข้างจำเพาะ
ไม่ได้กระจายไปทั้งสองกลีบของตับ และไม่ลุกลามหลอดเลือดในตับ
แพทย์อาจจะมีวิธีการรักษาเรียกว่า embolization คือทำการเอา gel foam
ไปอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้องอกนั้น ก็จะทำให้เซลล์ตายไปบางส่วน
ก้อนยุบลงได้ อาการดีขึ้นได้บ้างค่ะ
บางคนใช้วิธีนี้ควบคุมรอยโรคได้นานพอสมควรค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคนนะคะ
ขึ้นอยู่กับรอยโรคด้วยค่ะ
2. ถ้ามีการกระจายไปแล้วยังอวัยวะอื่น
วิธีการรักษาที่สามารถที่จะไปถึงยังรอยโรคทุกที่ได้คือการใช้ยาเคมีบำบัดค่ะ
แต่โชคไม่ดีค่ะ ที่มะเร็งตับไม่ว่าจะเป็น hepatoma หรือ
cholangiocarcinoma
นั้นไม่ค่อยตอบสนองต่อยาเคมีค่ะ
มียาหลายชนิดที่มีรายงานว่าได้ถูกนำมาใช้
แต่อัตราการตอบสนองให้ก้อนยุบลงนั้นไม่เกิน 20%
แล้วก็ไม่ใช่วิธีที่จะรักษาได้จนหายขาดค่ะ....อันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการค่ะ
หนึ่งคนไข้ยังสุขภาพพอจะรับยาไหวไหม
สอง willing ที่จะลองรับการรักษาหรือไม่
สามค่าใช้จ่ายคือค่ายาในการรักษามีปัญหาหรือไม่...ไม่มียาสูตรไหนที่เป็นมาตรฐานค่ะ
โดยมากแพทย์จะพยายามเลือกใช้ยาที่จะมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
เพราะจุดประสงค์คือประคับประคองอยู่แล้ว
3. นอกนั้นก็เป็นการรักษาบรรเทาอาการค่ะ
ลดความเจ็บปวด...
คิดว่าขอพูดแค่นี้ก่อนนะคะ
เพราะจริงๆถ้าอยากให้พูดในรายละเอียดมากกว่านี้
ต้องทราบชนิดที่แน่นอนค่ะว่าเป็นอะไรกันแน่
ถ้ายังมีข้อสงสัยอีก ก็ mail ถามมาได้เลยนะคะ
ยินดีเสมอค่ะถ้าจะสามารถไขข้อข้องใจบางประการให้ได้ค่ะ
โดย พญ. เอื้อมแข สุขประเสริฐ