สิทธิ
หมายถึง
ความชอบธรรมที่บุคคล
ใช้ยันกับผู้อื่นเพื่อคุ้มครอง
หรือ รักษาผลประโยชน์
อันเป็นส่วนพึงได้ของบุคคลนั้น
สิทธิผู้ป่วย
จึงหมายถึง ความชอบธรรมที่ผู้ป่วยจะพึงได้รับเพื่อคุ้มครองหรือ
รักษาผลประโยชน์
อันพึงมีพึงได้ของตนเอง
โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
1.
ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพ
ตามที่บัญญัติไว้ใน
รัฐธรรมนูญ
คำอธิบาย
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540
บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและผู้ยากไร้มีสิทธิ
ได้รับการรักษาพยาบาล
จากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งนี้ตาม
ที่กฎหมายบัญญัติ
การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพโดยจะต้องส่งเสริมให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น และ
เอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระทำได้
การป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายรัฐต้องจัดให้แก่ประชาชน
โดยไม่คิดมูลค่าและทันต่อ
เหตุการณ์
ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
2.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มีการเลือก
ปฏิบัติ เนื่องจาก
ความแตกต่างด้าน ฐานะ
เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา
ลัทธิการเมือง เพศ อายุ
และลักษณะ
ของความเจ็บป่วย
คำอธิบาย
ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับบริการสุขภาพในมาตรฐานที่ดีที่สุดตามฐานานุรูป
โดยไม่มีการเลือก
ปฏิบัติทั้งนี้
มิได้หมายรวมถึง
สิทธิอื่น ๆ
ที่อยู่นอกเหนือบทบัญญัติของกฎหมาย
เช่น
การไม่ต้องชำระค่ารักษาพยาบาล
การพักในห้องพิเศษต่าง ๆ
และบริการพิเศษอื่น ๆ
เป็นต้น
3.
ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอและชัดเจน
จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจในการยินยอม
หรือไม่ยินยอม
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบัติต่อตน
เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือ
รีบด่วนหรือจำเป็น
คำอธิบาย
ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพมีหน้าที่ต้องอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการการดำเนินโรค
วิธีการรักษา
ความยินยอมของผู้ป่วยนั้นจึงจะมีผลตามกฎหมายยกเว้นเป็นการช่วยเหลือใน
กรณีเร่งด่วน ฉุกเฉิน
ตามข้อ 4
4.
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
มีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือ
รีบด่วน
จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
โดยทันทีตามความจำเป็นแก่กรณี
โดยไม่คำนึง
ว่าผู้ป่วยจะร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่
5.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ
สกุล
และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
ที่เป็น
ผู้ให้บริการแก่ตน
คำอธิบาย
ในสถานพยาบาลมีผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพต่าง
ๆ
หลายสาขาปฏิบัติงานร่วมกันในการ
ช่วยเหลือผู้ป่วยร่วมกับบุคลากร
ผู้ช่วยต่าง ๆ หลายอาชีพ
ซึ่งบ่อยครั้งก่อให้เกิดความไม่แน่ใจและความไม่เข้าใจ
แก่
ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป
การกำหนดสิทธิข้อนี้ทำให้ผู้ป่วยกล้าที่จะสอบถามข้อมูลที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจและ
สามารถตัดสินใจเพื่อ
คุ้มครองความปลอดกัยของตนเอง
โดยเฉพาะจากผู้ให้บริการซึ่งไม่มีคุณภาพเพียงพอ
6.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น
ที่มิได้เป็นผู้ให้บริการแก่ตน
และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการและสถานบริการ
คำอธิบาย
ปัจจุบันผู้ป่วยยังมีความเกรงใจและไม่ตระหนักถึงสิทธินี้
ทำให้เกิดความไม่เข้าใจและความ-
ขัดแย้ง
ขณะเดียวกันผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจำนวนมากก็ยังมีความรู้สึกไม่พอใจเมื่อผู้ป่วยขอ
ความเห็นจาก
ผู้ให้บริการสุขภาพผู้อื่น
หรือไม่ให้ความร่วมมือในการที่ผู้ป่วยจะเปลี่ยนผู้ให้บริการหรือสถานบริการ
การกำหนดสิทธิผู้ป่วยนี้จึงมีประโยชน์ที่จะลดความขัดแย้งและเป็นการ
รับรองสิทธิผู้ป่วยที่จะเลือกตัดสินใจด้วยตนเอง
7.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
จากผู้ประกอบวิชาชีพ
ด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด
เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติ
หน้าที่ตามกฎหมาย
คำอธิบาย
สิทธิส่วนบุคคลที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยนี้ถือเป็นสิทธิที่ได้รับ
การรับรอง
ตามกฎหมายอาญามาตรา 323
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร
พ.ศ. 2540 ข้อบังคับแพทยสภาพ.ศ.
2526
ซึ่งถือว่าสังคมได้ให้ความสำคัญกับสิทธิผู้ป่วยในข้อนี้มาก
เพราะถือว่าเป็นรากฐานที่ผู้ป่วยให้ความไว้วางใจต่อแพทย์
8.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนในการตัดสินใจเข้าร่วม
หรือถอนตัว
จากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทำวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
9.
ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตน
ที่ปรากฏในเวชระเบียน
เมื่อร้องขอ
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิด
สิทธิส่วนตัวของบุคคลอื่น
คำอธิบาย
ข้อมูลที่ปรากฎในเวชระเบียนถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของประวัติมีสิทธิที่จะได้รับ
ทราบข้อมูลนั้นได้
ทั้งนี้รวมถึงกรณีผู้ป่วยยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของตนต่อบุคคลที่สาม
เช่นในกรณี
ที่มีการประกันชีวิต
หรือสุขภาพ
10. บิดา
มารดา หรือ
ผู้แทนโดยชอบธรรม
อาจใช้สิทธิแทน
ผู้ป่วยที่เป็นเด็ก
อายุยังไม่เกิน
สิบแปดปีบริบูรณ์
ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต
ซึ่งไม่สามารถ
ใช้สิทธิด้วยตนเอง
เมื่อท่านได้ทราบถึงสิทธิของผู้ป่วยหวังว่าท่านจะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง
ผู้ให้บริการ และ
ผู้รับบริการ