ไวรัสเอดส์สามารถหลบอยู่ในตัวมนุษย์ได้นานถึง ๖๐ ปี
นักวิทยาศาสตร์จากวอชิงตัน ระบุว่า เชื้อ HIV สามารถหลบซ่อนอยู่ในร่างกายมนุษย์
ได้นานถึง ๖๐ ปี แม้ว่าผู้ป่วยจะใช้ยาแรง ลดไวรัสลงจนถึงระดับที่ไม่สามารถตรวจพบได้
มีการรายงานใน Nature Medicine ถึงข่าวร้ายสำหรับแพทย์ที่มีความหวังว่า
ยาจะช่วยขจัดไวรัสเอดส์ได้ ภายใน ๓ ถึง ๕ ปี โดย Dr. Robert Siliciano และทีมงานที่
John Hopkins University School of Medicine ได้ค้นพบว่า HIV สามารถหลบเลี่ยงยา
Anti-Viral ที่นับว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่มีในขณะนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถซ่อนอยู่ใน
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายDr. Robert Siliciano ระบุด้วยว่า ทีมงานได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีกลไกบางอย่าง
ที่ทำให้ไวรัสสามารถคงอยู่ และมีชีวิตอยู่ได้ แม้กระทั่งในผู้ป่วยที่กำลังได้รับการบำบัดรักษาอยู่ในขณะนี้
ซึ่งในการวิจัย ทีมงานได้ศึกษาจากผู้ป่วยจำนวน ๓๔ ราย ที่รับการรักษาด้วยวีธีที่เรียกว่า
HAART หรือ High Active Antiretroviral Therapy ด้วยยาที่เรียกว่า Cocktails
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มทีตรวจพบไวรัสได้ในระดับใกลจะเป็นศูนย์
การหลบซ่อนใน ระบบภูมิคุ้มกัน(Immune System)
นักวิจัยค้นพบว่า ไวรัสจะหลบซ่อนอยู่ในส่วนที่เรียกว่า T-Cells ใน Immune System
ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับคำสั่งให้จดจำสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา จากนั้นจะจดจำไว้ในกรณีที่สิ่งใหม่ที่เข้ามานั้น
ถูกรุกราน และเป็นการง่ายที่ร่างกายจะแสดงปฏิกริยาตอบกลับต่อการถูกรุกรานในครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้น
คุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างของไวรัสชนิดนี้คือการหลบซ่อนอยู่ในเซลเม็ดเลือดขาว
และมันจะไม่แสดงปฏิกริยา เว้นแต่ว่าจะต้องต่อสู้กับเชื้อโรคติดต่อ อย่างเช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่
และถ้าหากมีการต่อสู้กับเชื้อโรคในลักษณะดังกล่าวขึ้น แพทย์ก็เกรงว่า Immune - Fighter Cells
นี้ก็จะแพร่ขยายมากขึ้นส่งผลให้ไวรัส HIV ในตัวผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเอดส์ หวังว่าในอนาคตจะสามารถนำผลการวิจัยในเรื่อง T-Cells
มาจัดการกับไวรัสเอดส์ได้ อีกทั้งยังหวังว่าจะค้นพบวิธีกำจัดไว้รัสที่หลบซ่อนอยู่
ด้วย วิธี HAART เพราะปัจจุบัน วิธีการดังกล่าวยังใช้ได้เฉพาะกับไวรัสออกฤทธิ์แล้ว
Dr. Robert Siliciano ยังกล่าวต่ออีกว่า ทีมงานวิจัยทราบว่าไวรัสเอสด์สามารถหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย
ได้นานถึง ๖๐ ปี เพราะ Immunologic Memory (ความจำต่อภูมิคุ้มกัน) นั้นกินเวลานานถึง ๖๐ ปี
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นโรคหัด ในวัยเด็ก คุณจะมีภูมิป้องกันโรคดังกล่าว ไปนานถึง ๖๐ ปี ซึ่งนักวิจัยก็ได้คำนวนระยะเวลาในการซ่อนตัวของไวรัสว่าจะสามารถอยู่ได้นานเช่นนั้นหรือไม่ และผลออกมาว่าอาจเป็นไปได้ดังนั้นการค้นพบครั้งนี้จึงเป็นการเน้นย้ำให้ผู้ป่วยใช้ยาบำบัดรักษาโรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า
อาจจะต้องรับการรักษาไปตลอดชีวิต
นักวิจัยมุ่งประเด็นไปที่ T-Cell
แพทย์จำนวนมากเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะหยุดใช้ยากับคนไข้บางรายที่เสี่ยงอันตราย
จากผลข้างเคียงของยา โดยเชื่อว่า น่าจะสามารถเร่งกำจัดไวรัสที่ซ่อนตัวเหล่านั้น ด้วยการกระตุ้น
ให้ไวรัสดังกล่าวต่อสู้กับ Immune-Fighter CellDr. Anthony Fauci จาก National Institutes of Health เป็นอีกผู้หนึ่งที่พยายามหาวิธีที่รวดเร็ว
ในการกำจัด HIV โดยเขาได้ใช้ยารักษามะเร็งชนิดเก่า คือ Interleukin-2 หรือ IL-2
ในการกระตุ้นให้ Immune System ต่อสู้กับเชือ HIV ในขณะที่นักวิจัยชาวอิตาเลียน
Dr. Franco Lori จากห้องปฏิบัติการ Georgetown University เป็นอีกผู้หนึ่งที่ใช้ยารักษา
โรคมะเร็ง Hydroxyurea โดยหวังผลในลักษณะเดียวกันอย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมาก ที่ประสบปัญหาจากการใช้ยาที่เชื่อว่าเป็นยาที่ดีที่สุด
ในขณะที่แพทย์เองก็กังวลว่าจะต้องให้ผู้ป่วยเหล่านี้ใช้ยาไปจนตลอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่วิตกว่า พวกเขาจะต้องรับประทานยาเป็นจำนวนหลายสิบเม็ดต่อวัน
ในการยืดอายุของตนออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าตนเองจะหลุดพ้นจากไวรัสเอดส์ นี้ได้หรือไม่?Cover Story from CNN Health
Created and Desiged by หมออู๋
1 May 1999
Copyright (c) 1998-1999, ThaiClinic.com. All Right Reserved.