ThaiClinic.com

Logo Thaiclinic.com bannerthaiclinicnewswelcomeclr.gif (15099 bytes)
Main PageWhat's New!!!Medical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiClinic Newsfoldspaceup.gif (292 bytes)Contact Me,Dr.OU

ปริมาณคาเฟอีนเล็กน้อยอาจไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งของหญิงมีครรภ์

     New England Journal of Medicine ได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ประจำสัปดาห์ว่า
คาเฟอีนในปริมาณมาก อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งของหญิงมีครรภ์ได้มากถึง 2 เท่า
ดังนั้นจึงมีคำแนะนำว่า ระหว่างตั้งครรภ์ควรจะลดปริมาณการบริโภคอาหารที่มีคาเฟอีน

จากการวิจัยของ National Institute of Child Health and Human Development หรือ NICHD ล่าสุด ซึ่งได้ทดลองทั้งกับมนุษย์ และสัตว์ โดยคาดหวังผลการทำทดลองที่แตกต่างจากการทดลอง
ครั้งที่ผ่าน ๆ มา และต้องการจะทราบว่า บริมาณคาเฟอีนขนาดไหนจึงจะเป็นปริมาณที่ปลอดภัย
สำหรับสตรีมีครรภ์ ทั้งนี้ การทดลองก่อนหน้านี้มีผลสรุปที่แตกต่างกัน บางแห่งก็ระบุว่า
การดื่มกาแฟเพียงแค่วันละ ๑ ถึง ๒ แก้ว ก็อาจสร้างปัญหาให้กับหญิงมีครรภ์ได้
ในขณะที่งานวิจัยบางชิ้น กลับระบุว่า การแฟไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรเลย
ไม่ว่าหญิงมีครรภ์จะดื่มในปริมาณเท่าใด

Mark Klebanoff หัวหน้าทีมวิจัยของ NICHD กล่าวว่า ความขัดแย้งของผลการวิจัยลักษณะข้างต้นนั้น
มีมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นทางทีมงานวจัยจึงต้องการจะศึกษาผลในมุมมองใหม่ โดยนักวิจัยทีมนี้
ไม่ได้ใช้วิธีเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างด้วยการส่งแบบสอบถามไปถามกลุ่มตัวอย่างว่า
พวกเขาบริโภคอาหารที่มีคาเฟอีนกันในปริมาณมากเท่าใด แต่นักวิจัยกลุ่มนี้ พยายามที่จะหาระดับ
Paraxanthine ซึ่ง คือสารที่เกิดจากการสันดาบ caffeine จากการตรวจเช็คเลือดของกลุ่มตัวอย่าง
ซึ่งเป็นหญิงที่เคยแท้งลูก ๔๘๗ คน และนำมาเปรียบเทียบกับเลือดของหญิงกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๒,๐๘๗ คน ที่ไม่แท้งลูก โดยการเก็บตัวอย่างเลือดนี้ ได้เก็บทั้งในช่วงเวลาก่อนคลอด ๒ เดือน
ในช่วงเวลาที่คลอด และ ๖ สัปดาห์หลังคลอด

การวิจัยในครั้งนี้ ได้ผลออกมาว่า 

หญิงที่มี Paraxanthine อยู่ในระดับ ๑,๘๔๕ นาโนแกรม ต่อ มิลลิลิตร 
หรือดื่มชาแกแฟ ไม่เกินวันละ ๕ แก้ว ไม่ได้ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการแท้งเพิ่มขึ้น 
แต่ถ้าหากว่ามีระดับ Paraxanthine มากกว่านี้ ความเสี่ยงต่อการแท้งจะเพิ่มมากขึ้นเป็น ๒ เท่า 

นอกจากนี้ Klebanoff ยังกล่าวด้วยว่า ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับจากชากาแฟในระดับมากกว่า ๕ แก้วต่อวันนั้นถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก และในปัจจุบันนี้ ก็จะเห็นได้ว่าผู้คนดื่มกาแฟกันมากขึ้น
โดยเฉพาะในช่วง ๓๕ ปีที่ผ่านมานี้

อย่างไรก็ตาม Klebanoff ได้ย้ำว่าผู้เชี่ยวชาญอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง FDA ของสหรัฐเอง
ก็ยังแนะนำให้หญิงมีครรภ์งดการบริโภคคาเฟอีน
อีกทั้ง Edee Hogan โฆษกหญิงของ
American Dieteic Association ยังกล่าวว่า ผลการศึกษาที่ออกมาใหม่นี้ ไม่ได้หมายความว่า
 หญิงมีครรภ์จะสามารถบริโภคคาเฟอีนได้ในระดับดังกล่าวข้างต้น
แต่จะจะพอสรุปได้ว่า
 ถ้าหญิงมีครรภ์นั้นบริโภคคาเฟอีน ก็ให้บริโภคในระดับกลางไม่ใช่เต็มที่ที่งานวิจัยได้ระบุไว้ และถ้าจะให้ดีก็ไม่ควรบริโภค เพราะการงดบริโภคนั้นไม่ได้ทำให้เสียประโยชน์อะไรไปเลย อีกทั้งยังกล่าวต่อไปว่า ถ้าตัวเธอเองตั้งครรภ์ เธอก็จะไม่ดื่มชากาแฟมากไปกว่าวันละแก้วหรือสองแก้ว
เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาเสี่ยง

Cover Story from CNN Health
http://www.cnn.com/HEALTH/women/9911/24/caffeine.pregnancy.wmd/index.html


comment จากแพทย์

รายงานดังกล่าว เป็นรายงานของฝรั่ง ซึ่ง สภาพแวดล้อมทางกรรมพันธุ์  น้ำหนักตัวต่างกัน
ดังนั้น ในคนไทยจึงไม่สามารถ ที่จะทานชา หรือ กาแฟ ตามขนาดดังกล่าวได้
รายงานนี้ ยังมีการขัดแย้ง กับ อีกหลายงานวิจัย ดังนั้นยังไม่ควรเชื่อและปฏิบัติตาม

อย่างไรก็ตาม 
หญิงมีครรภ์ ควร งดชา กาแฟ และเครื่องดื่มcaffeineทุกชนิด 
เนื่องจากไม่จำเป็น และไม่มีประโยชน์

โดย นพ.ธเนศ  พัวพรพงษ์

Main PageWhat's NewMedical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiclinic Newsfoldspacebottom.gif (372 bytes)Contact Me,Dr.OU

Created and Desiged by  หมออู๋
1 December 1999

Copyright (c) 1998-1999, ThaiClinic.com. All Right Reserved.