ความหวังของผู้ชายผมบาง
อาการผมร่วงผมบางของผู้ชายนั้น ในอดีตพบว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ที่ยังไม่มีวิธีการรักษาที่เป็นที่ยอมรับกันว่าได้ผลเต็มที่ แต่ขณะนี้ มีรายงานมาว่า
Rogaine(minoxidil) และ Propecia (finasteride) อาจเป็นสิ่งที่จุดประกายความหวังให้กับ
ชายผมบางจำนวนมากRogaine ในรูปของโลชั่น ใช้ทาบริเวณศีรษะวันละ ๒ ครั้งเป็นตัวยาที่มีความเข้มข้นในระดับ ๒ เปอร์เซ็นต์ และ ๕ เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปแล้วยาชนิดนี้ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาอาการความดันโลหิตสูง
และยาดังกล่าวได้ถูกนำไปศึกษาเป็นระยะเวลากว่า ๒๐ ปี ซึ่งในที่สุดก็ได้รับการรับรองถึงความปลอดภัยแม้ว่าจะยังเป็นที่สงสัยถึงการทำงานของยาดังกล่าวอยู่ แต่ก็พบว่า ยาในความเข้มข้น ๕ เปอร์เซ็นต์
ออกฤทธิ์เร็วกว่า และผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ระบุว่าให้ผลดีกว่า แต่ผู้ใช้อีกกลุ่มหนึ่งยังเห็นว่า ๕ เปอร์เซ็นต์
นั้นมากเกินไป และพึงพอใจที่จะใช้ในปริมาณความเข้มข้นที่น้อยกว่าโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ยา Rogaine จะให้ผลที่ดีกว่า ถ้าผู้ใช้เป็นผู้ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มและผมยังร่วงออกไป
ไม่มากนัก ซึ่ง Arthur Jacknowitz ผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชา Clinical Pharmacy แห่ง West
Virginia University ระบุว่า ผู้ที่มีอายุ ๒๕ ถึง ๓๕ ปี เริ่มมีอาการผมร่วงมาไม่เกิน ๕ ปี
และบริเวณที่ผมร่วงออกไปนั้นยังไม่มากนัก จะเป็นกลุ่มที่ยาออกฤทธิ์ได้ดีมากที่สุดสำหรับผลข้างเคียง (ซึ่งศึกษามาจากกลุ่มผู้ใช้ยาในปริมาณความเข้มข้น ๒ เปอร์เซ็นต์)
อาจมีอาการแพ้อย่างฉับพลัน และในบางกรณียาอาจทำให้ผมร่วงมากขึ้น แต่หลังจากผ่านไป
ระยะหนึ่งผมในบริเวณดังกล่าวจะขึ้นมาใหม่ Arthur Jacknowitz ระบุว่าการใช้ยาต้องเป็นไป
ด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ผู้ใช้มีอาการวิงเวียนและในบางรายอาจมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ
เกิดขึ้นได้
Propecia เป็นยาเม็ดที่สามารถซื้อได้โดยมีใบสั่งจากแพทย์ ยาชนิดนี้ ถ้าใช้ในปริมาณมาก
จะมีฤทธิ์ รักษาต่อมลูกหมากโต โดยยาชนิดนี้ถูกนำมาใช้รักษาอาการผมร่วงของผู้ชายมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๘
ตัวยาดังกล่าวช่วยลดปริมาณ Dihydrotestosterone ฮอร์โมนของเพศชายที่เป็นสาเหตุของ
อาการผมร่วงยา Propecia ไม่ต่างจาก Rogaine ตรงที่ให้ผลการรักษาที่ดีกับผู้ใช้ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มและยังมี
อาการผมร่วง ไม่มากนัก และจะเห็นผลการรักษาได้ตั้งแต่เริ่มใช้ยาไปเพียงแค่ สองเดือน
หรือบางรายอาจจะเห็นผลหลังจากใช้ยาไปนานถึง ๑ ปีแม้ว่ายาทั้งสองชนิดจะได้รับการรับรองถึงความปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้
รวมทั้งยังอาจมีส่งผลให้ต่อมลูหมากเล็กลง หรือ อาจเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่ง Wilma Bergfeld
หัวหน้าหน่วยวิจัย Dermatology แห่ง Cleveland Clinic ในมลรัฐ Ohio ผู้ซึ่งมีส่วนร่วม
ในการศึกษาตัวยาทั้งสองชนิดกล่าวว่า ผู้ชายทุกคนกลัวผลข้างเคียงดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงแล้ว
นั่นไม่ใช่ปัญหา
Wilma Bergfeld กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ชายจะต้องคำนึงถึงในการใช้ยา Propecia ก็คือ
จะต้องปรึกษาแพทย์ ยิ่งไปกว่านั้นแม้นักวิจัยจะเชื่อว่ายาทั้งสองชนิดไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังคงมีข้อสงสัย
บางประการในตัวยาดังกล่าว และก็ไม่แน่ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจจะมีผู้ค้นพบผลข้างเคียงอื่น ๆ
ของยาทั้งสองชนิดนี้ได้
นักวิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะก่อนที่คุณผู้ชายจะตัดสินใจใช้ยาดังนี้
- อาการผมร่วงนั้นเป็นเรื่องของความสวยงาม ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพ (แม้บางกรณีอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต)
- การใช้ยาเพื่อการรักษา จะมีราคาแพง คือผู้ใช่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายราวเดือนละ ๒๐ ถึง ๕๐ ดอลล่าร์
สหรัฐ
- การรักษาต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กรณีที่มีการหยุดยาผมที่ขึ้นมาใหม่อาจจะหลุดร่วงออกไปหมด
- แม้ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานถึงอันตราย แต่อาจมีผลข้างเคียงในระยะยาว
Cover Story from CNN Health
http://www.cnn.com/HEALTH/men/9906/11/balding/index.html
Created and Desiged by หมออู๋
15 JUne 1999
Copyright (c) 1998-1999, ThaiClinic.com. All Right Reserved.