โรคเนื้อเน่า(Necrotizing fasciitis) จากข่าวที่มีชายคนหนึ่งเกือบจะถูกตัดขาเนื่องจากถูกแมวข่วน ที่เป็นข่าวอยุ่ในตอนนี้ คงทำให้ผู้ที่เรียกตัวเองว่าทาสแมวและทาสสุนัขนั้นตื่นตัวและตื่นกลัวไปตามๆกัน ยิ่งเมื่อได้ยินว่าแท้จริงแล้วเกิดจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ(flesh-eating disease)หรือทางการแพทย์เรียกว่า
#สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกัน เช่น เชื้อแอโรโมแนส (Aeromonas spp.),คลอสตริเดียม (Clostridium perfringens),แบคทีรอยดีส (Bacteroides),หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเพียง1ชนิด เช่น เชื้อสเตรปโตคอคคัส กรุ๊ปเอ(group A Streptococcus spp.) หรือ เชื้อสแตปไฟโลคอคคัส (Staphylococcus spp.)
#ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้แก่
ระยะแรกมีอาการเจ็บ ปวด บวม แดงที่ผิวหนัง เป็นลักษณะที่เราเรียกว่า ไฟลามทุ่ง ต่อมาอาการบวมแดงจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีตุ่มน้ำร่วมด้วย ซึ่งการที่มีตุ่มน้ำร่วมด้วยแปลว่าการติดเชื้อลามลงไปถึงชั้นพังผืดแล้ว ต่อมาผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและมีเนื้อตายเกิดขึ้น ตอนนี้ผู้ป่วยจะมีอาการชามาแทนท่ีอาการเจ็บปวด ร่วมกับมีไข้สูง และมีการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด หลังจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการช็อค และการทำงานของอวัยวะต่างๆแย่ลง จนเสียชีวิตได้
บางครั้งเฉพาะที่ตามองเห็นจากภายนอก ไม่สามารถวินิจฉัยโรคเนื้อเน่าได้ แต่ส่วนใหญ่ ผู้ป่วยมักมีประวัติ ได้รับบาดเจ็บมีแผล บวม แดง ร้อน มีถุงน้ำ การวินิจฉัยโรคเนื้อเน่าที่สำคัญคือ การผ่าตัดและพบว่ามีการติดเชื้อ หรือมีการตายของเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ร่วมกับมีการตัดชิ้นเนื้อส่งเพาะเชื้อแบคทีเรียเพื่อหาเชื้อก่อโรค แต่การผ่าตัดจะทำเมื่อพบหลักฐานใดหลักฐานหนึ่ง ที่บ่งชี้ต่อโรคเนื้อเน่า อันได้แก่
-การดูแลแผลอย่างถูกต้องเป็นวิธีการป้องกันโรคเนื้อเน่าได้ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อเกิดแผลแม้เพียงเล็กน้อย ต้องรีบทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่ทันที ไม่ควรบ่งด้วยเข็มหรือกรีดเปิดแผลด้วยตัวเอง เพราะจะเพิ่มให้มีการติดเชื้อมากขึ้น เนื่องจากเครื่องมือไม่สะอาด อันนี้ เจอบ่อยมากในคนไข้ของเรา ที่ชอบรักษาเองครับ ไม่ควรทำนะครับ ด้วยความปรารถนาดี นพ.ธเนศ พัวพรพงษ์ ศัลยแพทย์ |
|