โรคที่มากับ...มือ
hand
handwash ล้างมือ เชื้อโรค
ติดต่อ
|
นอกจาก สมอง
แล้ว, มือ
นับเป็นอวัยวะที่ทำให้มนุษย์เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกใบนี้
เนื่องจากมนุษย์
ใช้สมองคิดค้นสิ่งต่าง ๆ
ในขณะที่ใช้มือในการประดิษฐ์
และทำงานที่สัตว์อื่นทำไม่ได้
เราใช้มือของเรานี้ในการจับต้องสิ่งต่าง
ๆ
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาตอนเช้า
ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ
สัมผัสผู้อื่น
รวมทั้งหยิบอาหารเข้าปาก
แคะจมูก ป้ายตา
มือจึงอาจนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย
และหากใครสักคนเป็นโรคติดเชื้อ
มือนี้ก็สามารถกระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
จากการสัมผัสกันโดยตรง
หรือแม้กระทั่งสัมผัสผ่านตัวกลาง
1
ซึ่งตัวกลางที่พบบ่อยและผู้คนมักมองข้าม
ได้แก่ ลูกบิดประตู
ราวโหนรถเมล์
และราวบันไดเลื่อน
|
สิ่งมีชีวิตเล็ก
ๆ
ที่อยู่บนมือของคนโดยทั่วไป
แบ่งได้ 2 ประเภท 1,2
คือพวกที่พบได้ในภาวะปกติ
ซึ่งมีอยู่นับสิบชนิด 3
(แม้ว่ามือนั้นจะยังดูสะอาด
ไม่เปรอะเปื้อนก็ตาม)
กับพวกที่พบได้ชั่วคราว
ซึ่งได้รับมาจากการสัมผัส
ซึ่งจะติดอยู่ที่ผิวหนังอย่างหลวม
ๆ และล้างออกได้ง่าย ๆ 1
พวกแรกนี้โดยทั่วไปไม่ก่อโรค
เว้นเสียแต่มีการเหนี่ยวนำเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือด
หรืออวัยวะภายใน เช่น
ในทางการแพทย์
การใส่สายให้น้ำเกลือเข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง
อาจมีเชื้อที่ผิวหนังปนเปื้อนเข้าไปและก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดตามมาได้
ส่วนพวกหลัง
อาจเป็นเชื้อก่อโรคที่ทำให้เกิดโรคติดต่อได้มากมาย
บางอย่างรุนแรงถึงชีวิต
โรคติดเชื้อที่ติดต่อผ่านทางมือ
|
โรคติดเชื้อมากมาย
สามารถติดต่อผ่านการสัมผัส
ตัวอย่างโรคที่พบบ่อย
มีดังนี้ 1
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
เช่น หวัด วัณโรค
ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด
หัดเยอรมัน
นอกจากจะติดต่อผ่านการหายใจเอาเชื้อเข้าไปแล้ว
การที่มือไปสัมผัสกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ร่วมกับบุคคลอื่น
หรือเครื่องใช้ในที่สาธารณะ
เช่น ลูกบิดประตู
ราวโหนรถเมล์
หรือราวบันได
แล้วมาแคะจมูก
เชื้อโรคก็จะเข้าสู่โพรงจมูกส่วนหน้า
เมื่อหายใจเข้าไป
ก็ทำให้เกิดโรคได้
- โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร
เช่น ท้องเสีย
โรคตับอักเสบชนิดเอ
โรคบิด อหิวาตกโรค
โรคพยาธิชนิดต่าง ๆ
ซึ่งติดต่อได้จากการที่มือปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้
แล้วหยิบจับอาหารรับประทานเข้าไป
- โรคติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง
เช่น โรคตาแดง
โรคเชื้อรา
แผลอักเสบที่ผิวหนัง
หิด เหา โรคเริม
- โรคที่ติดต่อได้หลายทาง
เช่น โรคอีสุกอีใส
อาจติดต่อได้จากการหายใจ
และการสัมผัส
โรคติดเชื้อเหล่านี้
เป็นโรคที่พบบ่อย
และบางครั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้
วิธีการง่าย
ๆ ที่ลงทุนน้อย
และได้ผลตอบแทนมาก
ในการควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อที่ผ่านทางมือ
ก็คือ การล้างมือ
จากการวิจัยทางการแพทย์
ค้นพบมานานกว่า 150
ปีแล้วว่า
การล้างมือของแพทย์จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล
2,4,5
นอกจากนี้การล้างมือบ่อย
ๆ
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดง
ก็เป็นวิธีป้องกันการระบาดของโรคได้
6
หรือการล้างมือของผู้ประกอบอาหาร
ก็ป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินอาหารเช่นกัน
7 แต่ปัญหาก็คือ
คนทั่วไปไม่ค่อยได้สนใจและไม่ระวัง
เนื่องจากเชื้อก่อโรคดังกล่าวข้างต้นแม้จะมีอันตราย
แต่ก็มีขนาดเล็ก
มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
นอกจากการไม่แคะจมูกและขยี้ตาบ่อย
ๆ แล้ว
การล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การล้างมือที่ถูกต้อง
ต้องทำให้มือสะอาดทั้งมือ
โดยมีทั้งสิ้น 6 ขั้นตอน
คือ
1)
ถูฝ่ามือ กับฝ่ามือ, 2)
ฝ่ามือถูบริเวณหลังมือสลับกันทั้งสองข้าง,
3)
ซอกนิ้วมือด้านฝ่ามือถูกัน,
4)
ถูซอกนิ้วมือด้านหลังมือ
ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างสลับกัน,
5)
ล้างนิ้วหัวแม่มือให้สะอาดโดยรอบทั้งสองข้าง
และ 6) เอาปลายนิ้วมือ
ถูฝ่ามือ
สลับกันทั้งสองข้าง 8
รวมเวลาที่ใช้ล้างมือนี้ประมาณ
15-30 วินาที (อย่างน้อย 10
วินาที)
นอกจากนี้ควรล้างมือด้วยน้ำที่กำลังไหลรินจากก๊อกน้ำ
และควรใช้ผ้าหรือกระดาษสะอาดเช็ดมือให้แห้ง
หรือทำให้แห้งด้วยเครื่องเป่าลมหลังล้างเสร็จ
5
การล้างมือนี้
ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค
เพียงแค่ใช้สบู่กับน้ำสะอาด
ล้างอย่างถูกวิธีก็จะสามารถลดการติดเชื้อได้อย่างดีมากแล้ว
ควรล้างมือในกรณีต่าง
ๆ ดังนี้: ล้างมือ
หลังเสร็จกิจกรรมที่ทำให้มือสกปรก
เช่น ทำงาน ยกของ พรวนดิน
กวาดบ้าน ล้างห้องน้ำ
เป็นต้น, ล้างมือ
เมื่อจะประกอบอาหาร
หรือหยิบจับอาหารเข้าปาก,
ล้างมือ ก่อนล้างหน้า
แปรงฟัน
หรือหลังเข้าห้องน้ำ,
ล้างมือ
เมื่อจะสัมผัสจมูก ปาก
หรือตา, ล้างมือ
ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย
รวมทั้งในกรณีที่ป่วยเองก็ยิ่งต้องล้างมือให้บ่อย
ๆ หลังเช็ดน้ำมูก ไอ จาม,
ล้างมือ
ก่อนสัมผัสบุตรหลาน
และล้างมือ
หลังจากกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน
การล้างมือควรกระทำบ่อย
ๆ ให้เป็นนิสัย
เนื่องจากการสัมผัสบริเวณตา
จมูก ปาก หยิบจับอาหาร
สามารถนำเชื้อโรคบนมือเข้าสู่ร่างกายได้
นอกจากนี้
การเลี้ยงดูบุตรหลาน
โอบกอด ป้อนอาหาร
ก็สามารถนำโรคสู่เด็กเหล่านั้นได้ด้วย
แม้โรคติดเชื้อจำนวนมาก
สามารถแพร่กระจายได้ง่าย
ๆ ด้วยการสัมผัส
การล้างมือก็เป็นวิธีการง่าย
ๆ
ที่จะป้องกันการแพร่กระจายของโรคเหล่านี้
แต่โดยประชาชนโดยทั่วไปอาจมองข้ามว่า
ไม่ใช่เรื่องใหญ่
และละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติ
เห็นได้จากการระบาดของโรคติดต่อ
เช่น ตาแดง
ให้เห็นอยู่เนือง ๆ
การรณรงค์ในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ
โดยต้องเริ่มต้นตั้งแต่ระดับบุคคลและครอบครัว
การที่ผู้ใหญ่ล้างมือให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง
จะสามารถสร้างอุปนิสัยที่ดีให้แก่เยาวชน
ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติต่อไป
จะเห็นว่าการให้ความรู้กับประชาชน
แม้จะสามารถเพิ่มความตระหนักในหน้าที่การดูแลสุขภาพของตนได้
แต่จะคงการปฏิบัติและพฤติกรรมของการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องได้นานสักเท่าไร
เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมืออย่างจริงจัง
ถึงเวลาหรือยัง
ที่ท่านจะสละเวลาที่มีค่าของท่านสักนิด
ล้างมือของท่านให้สะอาด
เพื่อตัวท่าน
บุตรหลานของท่าน
และสังคมส่วนรวม
โดย นพ.นพวัชร์
สมานคติวัฒน์ ศัลยแพทย์
1.
Edmond MB, Wenzel RP. Isolation. In Mandell GL, Bennett JE, Dolin R
(eds). Principles and practice of infectious diseases. Philadelphia:
Churchill Living Stone; 2000:2991-2995.
2.
Pinney E. Hand washing. Br J Perioper Nurs 2000; 10:328-331.
3.
Herceg RJ, Peterson LR. Normal flora in health and disease. In
Shulman ST, Phair JP, Peterson LR, Warren JR (eds). The Bilogic and
Clinical Basis of Infectious Diseases. Philadelphia: W.B. Saunders
Company; 1997:5-14.
4.
Handwashing Liaison Group. Hand washing: A modest measure-with big
effects. BMJ 1999; 318:686.
5.
Wendt C. Hand hygiene--comparison of international recommendations.
J Hosp Infect 2001; 48 Suppl A:S23-S28.
6.
Horton JC. Disorders of the eye. In Braunwald E, Fauci AS, Kasper
DL, Hauser SL, Longo DL, Jameson JL (eds). Harrison's Principles of
Medicine. New York: McGraw Hill; 2001:164-178.
7.
Begue RE, Gastanaduy AS. Clinical Microbiology : Acute
Gastroenteritis Viruses. In Armstrong D, Cohen J (eds). Infectious
Diseases. London: Harcourt Publishers; 1999:8.1.1-8.1.10.
8.
Ayliffe GA, Babb JR, Quoraishi AH. A test for 'hygienic' hand
disinfection. J Clin Pathol 1978; 31:923-928.