ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ?
postinor , pill ,
โพสตินอร์ ,
ตั้งครรภ์ แท้ง pregnancy ,
medbible
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ? |
|
การคุมกำเนิดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีหลายวิธีการ
แต่การใช้ยาเม็ดแบบรับประทานเป็นวิธีการที่สะดวกและนิยมใช้มากที่สุด
เดิมเรียกยากลุ่มนี้ว่า ยาคุมกำเนิดหลังเพศสัมพันธ์
แต่ต่อมาเพื่อความเข้าใจและการใช้ที่ถูกต้องจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
ซึ่งเป็นยากลุ่มที่มีผลต่อฮอร์โมนเพศทั้งสิ้น |
ในกลุ่มของยาเม็ดรับประทานยังมีหลายกลุ่ม เช่น
ฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียว , ฮอร์โมนโปรเจสเตอ
โรนอย่างเดียว ฮอร์โมนรวม
และ ดานาซอล แต่ที่นิยมและหาได้ง่ายมีเพียง
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวและฮอร์โมนรวมเท่านั้น
ยาเม็ดโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว (
หรือที่ทราบกันดีว่ามีชื่อการค้าว่า โพสตินอร์ )
มีส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว
คือ Levonorgestrel ขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม โดยรับประทาน
2 ครั้ง ระยะห่างกัน 12 ชั่วโมง และต้องรับประทานภายใน 72 ชม
หลังจากมีเพศสัมพันธ์
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้บ่อยคือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
คัดเต้านม และระดูมาผิดปกติ
โดยอาจมาเร็วขึ้นหรือช้าก็ได้ บางครั้งอาจพบเลือดออกกระปริดกระปรอย
ดังนั้นถ้าขาดระดูหรือระดูมากระปริดกระปรอยหลังใช้ยานี้
จำเป็นจะต้องตรวจให้ทราบว่าเป็นการตั้งครรภ์หรือเป็นผลของยา
ในกรณีที่ป้องกันไม่ได้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงกว่าปกติอีกด้วย
ยาเม็ดฮอร์โมนรวม หรือที่เรียกว่า Yuzpe regimen
เป็นการใช้ฮอร์โมน ethinyl
estradiol 0.1 มิลลิกรัม และ Levonorgestrel ขนาด 0.5
มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง ระยะห่างกัน 12
ชั่วโมงโดยรับประทานภายใน 72 ชม เช่นกัน
วิธีนี้เป็นที่นิยมในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป
แต่มีข้อเสีย คือ
มีผลข้างเคียงมากกว่าแบบแรก
อีกทั้งในประเทศไทยยังไม่มีบริษัทใดผลิตออกมาจำหน่ายโดยตรง
่ต่างกับการทำแท้งอย่างไร
?
|
หลายคนเข้าใจว่าการทานยาเม็ดเหล่านี้จะทำให้เกิดการแท้ง
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
เนื่องจากกลไกลของการป้องกันการตั้งครรภ์จะมีกลไกลหลายอย่าง
ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำให้ตัวอ่อนที่ฝังตัวแล้วแท้งหรือหลุดลอกออกมา
แม้ว่ากลไกลที่แท้จริงจะยังไม่ทราบแน่นอน
แต่มีหลักฐานเชื่อว่ามีกลไกหลายอย่างเช่น
ยาจะไปขัดขวางการปฏิสนธิของสเปริ์มและไข่ ยับยั้งการตกไข่
หรืออาจมีผลต่อการทำงานของคอร์ปัสลูเตียมก็ได้
การใช้ยากลุ่มนี้ควรจะใช้เมื่อมีความจำเป็น
ฉุกเฉิน เท่านั้น
เนื่องจาก
ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ยังไม่สูงเท่ากับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติ
โดยมีประสิทธิภาพการป้องกัน ราว 58 95 %
ซึ่งยังขึ้นกับการใช้ที่ถูกวิธีและระยะเวลาที่เริ่มใช้ด้วย
โดยถ้ารับประทานครั้งแรกภายใน 24 ชม
แรก พบว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า (
the sooner -the better )
การทานยามากกว่าขนาดที่กำหนดก็ไม่พบว่าได้ประโยชน์มากขึ้นแต่จะมีผลข้างเคียงมากขึ้น
ข้อบ่งใช้สำหรับยากลุ่มนี้
ได้แก่
1.มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คุมกำเนิด
2.มีความผิดพลาดของการใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น เช่น
ลืมทานยาคุมมากกว่า 3 วัน
ลืมฉีดยาคุม หรือถุงยางอนามัยเกิดรั่วหรือแตก
3. ถูกข่มขืน
ข้อบ่งห้าม
มีการตั้งครรภ์แล้ว
หรือมีข้อห้ามต่อการให้ฮอร์โมนดังกล่าว
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
มีประโยชน์สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในระดับหนึ่ง
แต่ผู้ใช้ควรใช้อย่างถูกวิธีและใช้เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ
เท่านั้น
โดย
นพ.ชำนาญ แท่นประเสริฐกุล
สูติ-นรีแพทย์