แนวทางและคำแนะนำใหม่ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
โดย
สมาคมสูตินรีแพทย์ประเทศสหรัฐอเมริกา กันยายน 2003
เนื้องอก เลือดออก ช่องคลอด pap smear uterus
|
สมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ The American College of
Obstetricians and Gynecologists (ACOG)
ได้ออกแนวทางใหม่ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยจะ
ทำการตรวจในกลุ่มอายุที่มากขึ้นกว่าเดิมและความถี่น้อยกว่าเดิม
|
แนวทางใหม่นี้ได้ออกตีพิมพ์ในวารสาร
Obstetrics & Gynecology เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
โดยทดแทนและเปลี่ยนแปลงแนวทางเดิมที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 1995
รองประธานสมาคม นายแพทย์ Stanley Zinberg ให้ความเห็นว่า
การเปลี่ยนแปลงแนวทางการตรวจนี้ ไม่เพียงแต่เกิดจาก
การพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีขึ้น
แต่ในช่วงที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ยังเข้าใจถึงการก่อเกิดมะเร็งปากมดลูกอย่างดีขึ้นมากอีกด้วย
โดย แนวทางใหม่นี้จะเป็นรูปแบบฐานข้อมูลสนับสนุน หรือ Evidence-based
โดยมีเนื้อหาที่สำคัญคือ
จะเริ่มทำเมื่อหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกประมาณ 3 ปี หรือเมื่อถึง
อายุ 21 ปี แล้วแต่ว่าถึงเวลาใดก่อน ซึ่งเดิมกำหนดว่า
ให้เริ่มทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือเมื่ออายุ 18 ปี
ควรทำการตรวจคัดกรองทุกปี
เพราะมีหลักฐานพบว่า กลุ่มหญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี มีโอกาสเสี่ยงมาก
กว่ากลุ่มอื่นที่มีอายุมากกว่า ในการติดเชื้อ human papillomavirus
(HPV ) ชนิดที่ก่อมะเร็ง
มีสองทางเลือก
โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องรับการตรวจคัดกรองทุกปี
1.การตรวจทางเซลล์วิทยา( Pap smear
)เพียงอย่างเดียว ถ้าได้รับการตรวจปีละครั้ง แล้วเป็นปกติ ( Negative )
ติดต่อกัน 3 ปี หลังจากนั้นสามารถรับการตรวจคัดกรองทุกๆ 2-3 ปีได้
2.การใช้การตรวจตรวจทางเซลล์วิทยาร่วมกับการตรวจหาไวรัส HPV
ชนิดก่อมะเร็ง
ถ้าผลการตรวจคัดกรองปกติ( Negative ) ทั้งสองอย่าง
ให้ตรวจได้ห่างขึ้นทุกๆ 3 ปี แต่ถ้าผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็จำเป็นต้องรับการตรวจบ่อยขึ้น
ข้อยกเว้นของกลุ่มนี้คือ
กลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงสูง เช่น
กลุ่มผู้ป่วย ที่มีเชื้อไวรัส HIV หรือกลุ่มภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น
เปลี่ยนถ่ายไต หรือกลุ่มที่เคยได้รับ ยา diethylstilbestrol
ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หรือกลุ่มที่มีประวัติ
เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกมาก่อน
จำเป็นจะต้องตรวจบ่อยขึ้น
กลุ่มที่ตัดมดลูกออกไปแล้ว โดยตัดปากมดลูกออกด้วย
ถ้าการผ่าตัดเกิดจากข้อบ่งชี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง
และไม่มีประวัติการตรวจพบเซลล์มะเร็งมาก่าอน
ไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองอีกต่อไป
แต่ในรายที่มีประวัติการตรวจเซลล์วิทยา ( Pap smear )ที่ผิดปกติ เช่น
CIN 2 หรือ 3 ควรตรวจคัดกรองทุกปี จนกระทั่งเป็นปกติ ติดต่อกัน 3 ครั้ง
หลังจากนั้นจึงหยุดตรวจได้
คำแนะนำให้หยุดตรวจคัดกรองได้ที่อายุ 70
ปี ในกลุ่มที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง ใดๆ แต่
สมาคมสูตินรีแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ยังแนะนำว่า
ให้พิจารณาเป็นรายๆ โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่างเช่น
ความสามารถในการการติดตามผู้ป่วย หรือ ประวัติโรคประจำตัวอื่นๆ
และแม้ว่า อาจไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ทุกๆปี
แต่การตรวจ ภายในเพื่อดูพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานก็ยังจำเป็นทุกๆปี
โดย
นพ.ชำนาญ แท่นประเสริฐกุล สูตินรีแพทย์
1. ACOG Committee on Practice Bulletins. ACOG Practice Bulletin:
clinical management guidelines for obstetrician-gynecologists.
Number 45, August 2003. Cervical cytology screening (replaces
committee opinion 152, March 1995).Obstet Gynecol. 2003
Aug;102(2):417-27.
2. ACOG committee opinion. Recommendations on frequency of Pap test
screening. Number 152--March 1995. Committee on Gynecologic
Practice. American College of Obstetricians and Gynecologists. Int J
Gynaecol Obstet. 1995 May;49(2):210-1.