Thaiclinic.com

Thaiclinic Logo bannermedbiblewelcomeclr.gif (19991 bytes)
Main PageWhat's NewMedical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiclinic Newsfoldspaceup.gif (292 bytes)Contact Me,Dr.OU

Iontophoresis ดีหรือไม่

                 การทำ Iontophoresis เป็นการใช้กระแสไฟฟ้านำยาหรือสารเคมีลงสู่ผิวหนัง ในสมัยก่อน
ได้มีการใช้วิธีนี้ในการช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดด้วยสารพวกยาชา และก็ยังใช้กันสืบมา
แม้ว่าจะไม่เป็นที่นิยมนัก อย่างไรก็ตามการใช้น้ำเปล่ากับ Iontophoresis ก็เป็นสิ่งที่ได้ผลดีมาก
ในการรักษาภาวะที่มีเหงื่อออกมาก ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อออกมากตามมือ เท้า หรือ ที่รักแร้
จึงมีการทำเครื่องมือ Iontophoresis ที่เหมาะสมสำหรับการรักษาภาวะเหงื่อออกมาก

                ปัจจุบันได้มีการเอาเครื่องมือ Iontophoresis มาใช้ในการเสริมความงามให้ผิวสดใส
หรือขาวขึ้น โดยการใช้ร่วมกับวิตามินซีและสารเคมีอีกบางชนิด
ซึ่งการทำเช่นนี้ค่อนข้างจะแพร่หลาย
ในประเทศทางแถบเอเชียมากกว่าทางยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา แต่ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นเอกสาร 
การทำการวิจัยและศึกษาทั้งทางคลินิกและทางวิทยาศาสตร์ที่ดี
สำหรับการทำให้ผิวขาวหรือสดใสขึ้นเลย

                 เนื่องจากความนิยมมีมากขึ้น จึงได้มีการศึกษาวิจัยซึ่งทำโดย น.พ.อภิชาติ ศิวยาธร และคณะที่โรงพยาบาลศิริราชเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าการศึกษายังไม่จบสิ้นลงสมบูรณ์ก็ตาม
 การได้สนทนาส่วนตัวถึงผลการศึกษากับท่านก็ได้ข้อสรุปดังนี้ คือ

การใช้ Vitamin C Iontophoresisร่วมกับยาทาฝ้า
ไม่ให้ผลแตกต่าง
จากการใช้ยาทาฝ้าแต่อย่างเดียวในการรักษาฝ้า 

                   การทำ Iontophoresis ที่ทำกันทั้งหลาย มีการตั้งราคาที่แตกต่างกันออกไปมีการทำ
ในโรงพยาบาล คลินิกและสถานเสริมความงามหลายแห่ง และมีการอ้างว่า ได้ผลต่าง ๆ นา ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการลบรอยดำหรือทำให้รอยดำที่เกิดขึ้นหลังจากการที่มีแผลหรือผิวหนังอักเสบมาก่อน
 
(Postinflammatory Hyperpigmentation) การรักษากระ การรักษาฝ้า การที่ผิวลาย (Stria Distensae) หรือแม้แต่การรักษาแผลเป็น การชะลอความแก่หรือเหี่ยวย่น มีการใช้สารเคมีต่าง ๆ กันออกไปไม่จำกัดแค่วิตามินซีเท่านั้น

การอ้างว่า ได้ผลนั้นเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมด
ไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ดีพอในการสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าวเลย และแทบจะไม่มีการกล่าวถึงผลเสียหรือข้อแทรกซ้อนของการรักษาเลย

                   ภาวะแทรกซ้อนของการ Iontophoresis เพื่อความสวยความงามนั้น ก็มีหลายประการ 
เช่น ยิ่งทำไปยิ่งดำขึ้น หน้าแดง หน้าลอก แสบหน้า เป็นต้น ทั้งนี้เพราะหลักการของ Iontophoresis 
ก็คือ การใช้กระแสไฟฟ้าช่วยพาเอาสารเคมีหรือยาลงไปใต้ผิวหนัง ธรรมชาติของผิวหนังจะมีชั้นขี้ไคล
เป็นฉนวนหรือเกราะที่คอยปกป้องผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย กระแสไฟฟ้าจะต้องไปทำให้ฉนวน
หรือเกราะนี้เสื่อมสภาพไปบ้างไม่มากก็น้อย ยาหรือสารเคมีจึงจะลงไปได้ กระแสไฟฟ้าที่ใช้จึงเป็น
Physical Agent ที่ทำให้เกิด Physical Injury ต่อผิวหนัง
 

                   ขณะที่ได้รับการทำ Iontophoresis อยู่ผู้ที่ได้รับการทำ จะรู้สึกแปลบ ๆ เหมือนไฟฟ้า
ดูดอยู่น้อย ๆ การที่มีการใช้อุปกรณ์สื่อนำไฟฟ้าสัมผัสกับบริเวณผิวหน้าและวนไปวนมา 
นั่นก็เป็นการช่วยลดความรู้สึกแปลบ ๆของการถูกไฟฟ้าดูดน้อย ๆ นั่นเอง 

                  เมื่อเสร็จสิ้นการทำ Iontophoresis บริเวณที่ได้รับการทำก็อาจจะแดงหรือเป็นสีชมพู
อยู่ชั่วคราว การทำ Iontophoresis นั้นมักจะมีการนัดให้มาทำบ่อยพอสมควร เช่น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ 
และเป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ไม่ว่าสารเคมีหรือยานั้นจะออกฤทธิ์ต่อผิวหนังอย่างไร แต่ 
Electrical Injury ของผิวหนังก็จะยังผลให้ผิวหนังชั้นบนเกิดการลอกตัว อาจเป็นน้อย ๆ จนมองไม่เห็น
ว่า เป็นขุยหรือเป็นมากจนเป็นขุยให้เห็นได้ 

                   การที่ผู้ที่ได้รับการรักษาเห็นว่า ผิวหนังขาวขึ้น อาจเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลหลายอย่าง
โดยไม่เกี่ยวกับวิตามินซีหรือยาที่ให้เลยก็ได้ เช่น เมื่อมี Electrical Injury บ่อยพอ 
ก็อาจทำให้เกิดเป็นรอยด่างหรือขาวที่เราเรียกว่า
Postinflammatory Hypopigmentation 
เช่นเดียวกับกลไกที่ทำให้เกิดรอยขาวในเกลื้อนแดด (Pityriasis Alba) หรือผิวหนังอักเสบชนิดอื่น หรืออาจจะขาวขึ้นเพราะผิวหนังชั้นขี้ไคลลอกหลุดเร็วขึ้น
เช่นในกรณีที่ใช้ยากินหรือยาทา
ในกลุ่มของกรดวิตามินเอ (Vitamin A acid) 

                   ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ จึงอาจทำให้เกิดข้อแทรกซ้อนในระยะยาวได้คือ การที่ผิวหนัง
หรือผิวหน้าเกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้ง่าย
โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับการรักษาบ่อยและนานเกินไป
คล้ายกับคนที่เคยได้รับการทำ Baby Face มา 

                   การที่จะตัดสินใจทำIontophoresisนั้นควรจะใช้ความพินิจพิเคราะห์เช่นเดียวกับ
การที่ไปให้ร้านเสริมสวยบำรุงรักษาผิวหน้า ซึ่งแม้ว่าบางแห่งจะมีแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบ แต่
ผู้ที่ให้บริการนั้นก็เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกหรืออบรมมาเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้อย่างลึกซึ้ง
ถึงผลดี ผลเสีย ในการทำแต่อย่างใด และผลที่ได้ก็เป็นผลชั่วคราวเท่านั้น
 
ถ้าไม่ได้ทำอีกผิวหน้าก็อาจจะหมองหรือไม่สดใสเช่นเดิม แต่ถ้าจะทำตลอดไป ก็อาจจะทำให้ผิว
เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย 

โดย  นพ.ปริทัศน์ ศุกรีเขตร  แพทย์ผิวหนัง

Main PageWhat's NewMedical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiclinic Newsfoldspacebottom.gif (372 bytes)Contact Me,Dr.OU

This web is created and designed by หมออู๋
16 December 1999

Copyright (c) 1998-1999, ThaiClinic.com. All Right Reserved.