ขณะนี้ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้า  ท่านควรปฏิบัติดังนี้
1. ควรล้างแผล ทำแผลทุกวัน เนื่องจากเป็นแผลสกปรกมีโอกาสติดเชื้อสูง
2. กักขังและสังเกตอาการของสุนัข อย่างน้อย 10 วัน  เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
(จากการไปกัดผู้อื่นต่อ) รวมทั้งเพี่อช่วยในการวินิจฉัยโรค
3. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก
4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที   เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคที่ไม่แน่นอน
รวมทั้งไม่มี่สิ่งใดที่จะบอกได้แน่นอนว่า สุนัขที่กัดไม่เป็นโรค  ไม่ว่าจะเป็นประวัติมีเจ้าของ,
ประวัติการได้รับวัคซีนของสุนัข,ฯลฯ    เพราะฉะนั้นท่านควรได้รับวัคซีน
ซึ่งวัคซีนมี 2 ชนิด คือ
1) วัคซีนธรรมดา คือ วัคซีนที่ต้องใช้เวลาในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
2) วัคซีนอิมมูโนโกลบุลิน(Immunoglobulin) คือวัคซีนที่เป็นภูมิคุ้มกันทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลา
ในการกระตุ้น ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีราคาแพง
โดยปกติท่านควรได้รับวัคซีนธรรมดา ซึ่ง 1 ชุดจะมี 5 เข็ม ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 1 เดือน
       วัคซีนอิมมูโนโกลบูลิน(Immunoglobin) เป็นวัคซีนที่มีราคาแพง เพราะฉะนั้นจะใช้ต่อเมื่อ
-สงสัยว่าสัตว์เป็นโรคแน่ๆ
-โดนกัดเป็นแผลขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสได้รับเชื้อจากน้ำลายมาก
-โดนกัดอวัยวะที่สำคัญซึ่งมีเส้นประสาทไปเลี้ยงมาก เช่น หน้า,ฝ่ามือ,ฝ่าเท้า,อวัยวะเพศ
5. ทานยาปฏิชีวนะ และ ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
6. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแผลมาก,ชา หรือ คันรอบๆแผล,มีไข้ขึ้น   ให้รีบมาพบแพทย์

 โดย    นพ.ธเนศ พัวพรพงษ์  ศัลยแพทย์