|
||||
Title: รากฟันอักเสบ ส่งโดย DaNO on 05/08/11 เวลา 10:37:03 เรียน คุณหมอ ขอปรึกษาคุณหมออีกครั้ง ตามที่ดิฉันได้ไปหาทันตแพทย์ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง (เป็นรพ. ระดับ premium) หมอทีรักษาอายุประมาณ 50 ปี ดิฉันก็นึกว่าจะเก่ง เนื่องจากเหงือกเป็นหนอง เลยให้เขารื้อเดือยที่เคยทำไว้ออก แล้วตกลงกันไว้ว่าจะใส่เดือยใหม่เข้าไปอีก แต่พอรื้อเดือยแล้วใส่ยาไป 2 ครั้ง หนองก็ยังไม่ยุบ เขาก็รักษารากฟันซี่ข้างเคียงอีกซี่หนึ่ง โดยบอกว่าซี่นั้นมันมีหนองร่วมด้วย ทั้ง 2 ซี่ใส่ยารวม 4 ครั้ง ตุ่มหนองก็ยังอยู่ หมอบอกว่าสงสัยจะเป็น scar (แผลเป็น) เพราะเป็นหนองที่เหงือกนาน 7 เดือน ปัญหาและคำถามคือ -หมอบอกว่าไม่ใส่เดือยให้ใหม่แล้ว จบตรงอุดรากฟันและตัวฟันตรงบริเวณเหงือกไว้ แล้วให้ใส่ฟันปลอมแทน ทำไมหมอจึงไม่บอกแต่แรก จะได้ให้หมอที่คลินิกถอนทิ้งตั้งแต่แรก ราคาถูกกว่าด้วย -ซี่ข้างเคียงที่รักษารากฟัน ซี่นี้เดิมก็ดีอยู่แล้ว พอให้เขารักษารากฟัน ทั้ง ๆ ที่ยังเสียวฟันอยู่ เขาปิดอุดฟันไปเลย โดยบอกว่า canal แห้ง สะอาด ไม่มีกลิ่น ไม่มีหนองแล้ว (เปิดล้าง ใส่ยาไป 4 ครั้ง แล้วอุดปิดไปเลย) -ซี่ข้างเคียงที่ยังเสียวอยู่ เคยบอกเขาไปว่าให้ใส่ยาไปก่อนไม่ได้หรือ เขาบอกว่า ใส่ยาให้ตาย ก็ไม่หายเสียว เพราะเป็น case พิเศษ ประสาทฟันตรงผนังเอาออกไม่ได้ ข้อนี้จริงหรือคะ ถ้าจะรักษาต่อต้องทำ ทิชเชอรี่ หมายถึงอะไรคะ -เขาบอกว่าถ้าตุ่มหนองใหญ่ขึ้นอีก ให้ถอนรากฟันที่เก็บไว้ทิ้งไป (ซี่รื้อเดือย) ถามว่า จากที่เล่ามา ทันตแพทย์คนนี้รักษาถูกทางหรือไม่คะ -บอกตรง ๆ ดิฉันรู้สึกไม่ประทับใจเลยค่ะ เพราะก่อนหน้าเคยไปถามคลินิค 2 แห่ง แห่งแรกให้ถอนฟันที่ใส่เดือย แล้วใส่ฟันปลอมก็จบ ค่าใช้จ่ายประมาณ 1000 บาท (ให้เติมฟันปลอม 1 ซี่เท่านั้น) แห่งที่สอง บอกว่า ค่าใช้จ่ายรื้อเดือย และใส่ให้ใหม่ รวม 14000 บาท -แต่ทำที่รพ.นี้ ไม่ได้อะไรเลย ต้องเสียค่าใช้จ่ายรวม 14000 บาท เป็นค่าฟันปลอมพลาสติก 5 ซี่ (เดิมใส่ฟันปลอม 4 ซี่) ค่ารื้อเดือย ค่ารักษาฟันซึ่ข้างเคียง -รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ไปรพ. ถ้าหมอว่าจะไม่ใส่เดือยให้ใหม่ ก็จะไม่ทำกับเขาหรอก ไปทำกับคลินิคแห่งแรกดีกว่า ประหยัดทั้งเงินทั้งเวลาอีกด้วย กลุ้มใจจัง ขอให้คุณหมอหนิง ช่วยวิจารณืที ว่าหนทางรักษาที่ผ่านมา ถุกต้องหรือไม่ หรือว่ารักษาผิดทาง (เพราะ 1.ซี่ข้างเคียงยังเสียวฟันอยู่ 2.ยังมีตุ่มหนองเล็กๆที่เหงือก) D D. ........ข้อความข้างล่างนี้ คุณหมอเคยแนะนะไว้ค่ะ........... เรียน คุณหมอ ฟันหน้าเคยรักษารากฟันมาแล้ว 30 ปี เหงือกเป็นหนอง เลยไปให้ทันตแพทย์ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งรื้อเดือย หมอบอกว่าเพราะที่รักษารากฟันไม่ได้อุดรากฟัน รากฟันจึงเน่า หมอบอกว่าจะเมื่ออุดรากฟันแล้ว จะเก็บรากฟันไว้ก็ได้ เพื่อเหงือกจะได้ไม่ยุบ แล้วใส่ฟันปลอม แต่ถ้าจะให้ใส่เดือยใหม่ แล้วครอบฟัน อาจมีผลทำให้เหงือกเป็นหนองได้อีก แล้วค่ารักษาก็แพงด้วย ค่าเดือย 2500 บาท ฟันครอบ 12000 บาท รวม 14500 บาท ใส่ยา 4 ครั้งแล้ว หนองที่เหงือกยังมีอยู่เลยค่ะ ขอถามคุณหมอว่า ควรจะเลือกรักษาอย่างไรดี - สามารถเปลี่ยนคุณหมอรักษารากฟัน กับคุณหมอทำเดือยฟัน+ครอบฟันได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของคนไข้อยู่แล้ว อีกทั้งคุณหมอรักษารากฟันบางท่าน ก็รักษารากฟันอย่างเดียว ไม่รับทำเดือยฟัน+ครอบฟัน การรักษากับสถานที่เดิม มีข้อดีคือ สามารถติดต่อประสานงานง่าย หากมีเรื่องต้องแก้ไขก็ติดต่อง่ายกว่า ฉะนั้นหากคนไข้จะไปรักษากับที่ใหม่ ก็ควรเอารายละเอียดการรักษาเดิมติดตัวไปด้วย รวมทั้งฟิล์มเอ็กซเรย์สุดท้าย เพื่อให้คุณหมอท่านใหม่ เขาประเมินดูผลการรักษารากฟัน ว่าพร้อมสำหรับการทำเดือยฟัน+ครอบฟันหรือยัง - ระยะเวลาหลังการ อุดรากฟันเรียบร้อยแล้ว ก่อนการทำเดือยฟัน+ครอบฟัน ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน อีกทั้งมีหลายทฤษฎีว่าด้วยเรื่องความสำเร็จ ทฤษฎีแรก กล่าวว่า ถ้ารักษารากฟันเสร็จแล้ว หากฟันไม่มีอาการ ก็สามารถทำเดือยฟัน+ครอบฟัน ได้เลย ประมาณว่า ทำให้เสร็จทั้งกระบวนการ ยิ่งไวยิ่งดี ป้องกันการติดเชื้อย้อนจากด้านตัวฟันซ้ำลงไป หากตรงตัวฟันเป็นแค่อุดฟันชั่วคราว ทฤษฎีที่ 2 กล่าวว่า ควรรอให้มั่นใจแน่ๆ ติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ก็รอได้ เพื่อดูว่าผลการรักษารากฟันนั้นดีจริงๆ แน่ๆ จึงค่อยทำเดือยฟัน+ครอบฟัน ฉะนั้น ถ้าตอบคำถามของคนไข้ ก็สามารถตอบได้ว่า จะรอก็ได้ ไม่เสียหาย เพื่อสังเกตอาการ แต่ถ้าจะทำเลยหากคนไข้ไม่มีอาการผิดปกติของรากฟันแล้ว ก็ทำได้ - เรื่องคนไข้คนอื่น .. หมอคงไปตอบแทนใครไม่ได้ แต่การเปลี่ยนหมอ ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นค่ะ « แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 26 เม.ย. 2554 เวลา 16:47 by หมอหนิง » ส่งโดย: หมอหนิง |
||||
Title: Re: รากฟันอักเสบ ส่งโดย หมอหนิง on 05/09/11 เวลา 07:41:21 on 05/08/11 เวลา 10:37:03, DaNO wrote:
จริงหรือไม่ ตอบว่า จริง ทิชเชอรี่ หมอไม่ทราบค่ะ หมอไม่ได้มีความชำนาญพิเศษด้านการรักษารากฟัน ต้องขอโทษด้วยนะคะ on 05/08/11 เวลา 10:37:03, DaNO wrote:
การถอนฟันเป็นวิธีการรักษาสุดท้าย เมื่อรักษารากฟันไม่ประสบความสำเร็จค่ะ สุดท้ายหมอขอฝากธรรมะเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้ เผื่อเป็นประโยชน์ เรื่องความถูกต้อง กับ ถูกใจ พระพุทธศาสนาบอกว่า "ทุกสิ่งเกิดขึ้นถูกต้องแล้วตามธรรมชาติด้วยเหตุและปัจจัย ความ ถูกใจ เป็นเรื่องของมนุษย์ เมื่อความต้องการของมนุษย์ขัดกับความเป็นจริงของธรรมชาติ จึงทำให้เกิดทุกข์" เรื่องบางเรื่อง มันเป็นเช่นนั้นตามธรรมชาติ แต่เผอิญมันไม่ถูกใจเรา เลยสับสนกลายเป็นไม่ถูกต้อง ซะได้ "ถูกต้อง" กับ "ถูกใจ" คนไข้ลองพิจารณาให้ดีนะคะ ขอให้โชคดีในการรักษาค่ะ |
||||
Title: Re: รากฟันอักเสบ ส่งโดย DaNO on 05/25/11 เวลา 19:00:33 เรียน หมอหนิง ฟันซี่ที่รักษารากฟันเสร็จแล้ว (ใส่ยาแค่ 4 ครั้ง) กลับรุ้สึกปวดเป็นบางครั้ง ควรจะทำอย่างไรดี ซี่นี้หมออุดฟันให้ ทั้ง ๆ ที่ยังรุ้สึกเสียวฟันอยุ่ ฟันซี่ที่รักษารากฟันแล้ว ควรจะไม่รุ้สึกปวด หรือ เสียว ใช่ไหม ทำไมหมอ โรงพยาบาล ที่ดิฉันไปรักษา จึงรีบปิดงานล่ะคะ ทั้ง ๆ ที่คนไข้อาการยังไม่ดีขึ้น เลย 1. ขอเรียนถามคุณหมอ ควรจะรักษารากฟันใหม่อีกครั้งกับหมอคนอื่น หรือ ควรจะถอนฟันซี่นี้ทิ้งคะ 2. ฟันกรามซึ่ในสุดด้านบน ใช้บดเคี้ยวข้างเดียวตลอด รุ้สึกปวดแบบรำคาญ ๆ เป็นบางครั้ง เป็นเพราะอะไรคะ ฟันกรามซี่นี้อุดเรียบร้อยแล้ว ควรทำอย่างไรดี D. |
||||
Title: Re: รากฟันอักเสบ ส่งโดย หมอหนิง on 05/25/11 เวลา 19:41:00 1. ฟันที่รักษารากฟัน+อุดไปเรียบร้ย ควรจะสังเกตอาการดูก่อน อาจต้องใช้เวลาสักพัก อาการเสียวฟันต้องดูว่าเสียวฟันตอนไหน แบ่งคร่าวๆ ดังนี้ *อยู่ดีๆ เสียว *หรือว่ามีสิ่งกระทบแล้วเสียว เช่น โดนของเย็นแล้วเสียว *หรือเสียวเวลากัดฟัน แต่ละอาการมีสาเหตุที่ต่างกัน ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันแล้ว อาจเสียวฟันจากการกัดฟันได้ เพราะเกิดจากการบดเคี้ยวที่ส่งลงไปสู่กระดูกรองรับข้างใต้ // อาการเสียวฟันจากกินของเย็น อาจเกิดจากอุณหภูมิไปกระตุ้นเส้นประสาทรอบๆ ฟันหรือเหงือก หรือฟันข้างเคียง แต่ไม่ควรอยู่ดีๆ แล้วเสียว อาจหมายถึงมีความผิดปกติที่ฟัน ที่น่ากังวลอีกอย่างคือปัญหาฟันแตก ซึ่งจะคล้ายกับการเสียวฟันจากแรงบดเคี้ยว แต่รุนแรงกว่า และจะนำมาสู่อาการอยู่ดีๆ แล้วเสียว 1.1 ส่วนกรณี จะรักษาฟันใหม่ หรือถอนออก อันนี้คงแล้วแต่คนไข้ การถอนฟันเป็นวิธีการรักษาสุดท้าย หากทำอะไรกับฟันซี่นี้ไม่ได้แล้ว 2. อาการปวดรำคาญ มักเกิดจากเหงือกมากกว่าตัวฟันเอง หรือหากฟันซี่นั้นสึกจากการใช้งานบดเคี้ยวมาข้างเดียวเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ ควรไปหาคุณหมอตรวจดูเพิ่มเติม หากปัญหาเกิดจากเหงือกก็ควรรักษาเหงือกด้วยการขูดหินปูนเกลารากฟัน และดูแลรักษาความสะอาด สม่ำเสมอ (สำคัญมาก) หากปัญหาเกิดจากฟันสึกด้านบดเคี้ยว ต้องดูว่าพอจะบูรณะได้หรือไม่ ถึงแม้ฟันจะเคยถูดอุดมาแล้ว แต่แรงบดเคี้ยวที่มากก็ยังส่งไปถึงฟันได้ และอาจนำไปสู่ปัญหาฟันแตก/ฟันร้าวได้ (ประมาณว่ารองรับไม่ไหว) บางทีถ้าฟันสึกเยอะ อาจต้องทำครอบฟัน |
||||
Title: Re: รากฟันอักเสบ ส่งโดย DaNO on 05/26/11 เวลา 08:07:13 ขอบคุณค่ะ 1.ซี่ที่เสียวฟัน เป็นคนละซี่กับซี่ปวดแบบรำคาญ ซี่เสียวฟันเป็นซี่ฟันหน้าที่รักษารากฟัน ใส่ยา 4 ครั้ง แล้วอุดปิดทั้ง ๆ ที่ยังเสียวฟันอยู่ (ไม่รู้หมอจะรีบปิดงานไปไหน) ซี่นี้แค่นิ้วจิ้มก็รู้สึกเสียวฟันแล้ว เป็นฟันหน้าไม่ได้ใช้เคี้ยวอยู่แล้ว 2.ซี่ที่ปวดแบบรำคาญ ๆ คือ ฟันกรามด้านบนซ้าย เพราะถนัดเคี้ยวข้างซ้ายอย่างเดียว ซี่นี้ไม่ได้รักษารากฟัน เป็นซี่ที่อุดฟันธรรมดา ถามว่า อาการต่าง ๆ แบบนี้เป็นปกติหรือไม่ D. |
||||
Title: Re: รากฟันอักเสบ ส่งโดย หมอหนิง on 05/26/11 เวลา 13:45:13 1. เบื้องต้น ควรสังเกตอาการไปก่อน หากอาการไม่ดีขึ้น ควรกลับไปหาคุณหมอเพื่อตรวจดู เรื่องนิ้วจิ้ม ไม่แน่ใจว่ากดไปแรงแค่ไหน ปกติความรู้สึกสัมผัสเกิดขึ้นได้แม้ฟันรักษารากฟันแล้วเพราะเกิดจากประสาทภายใต้กระดูก ไม่ใช่จากตัวฟันโดยตรง อย่างไรก็ดี อาการรู้สึกเสียวฟัน อาจเกิดจากโรคไม่หายก็ได้ จึงแนะนำให้สังเกตอาการต่อไป 2. ดังที่กล่าวไว้ในกระทู้ก่อนๆ คือ อาการปวดรำคาญ อาจเกิดจากเหงือกก็ได้ หรืออาจเกิดจากการใช้ฟันซี่นั้นมากเกินไปทำให้เนื้อฟันสึกกร่อน เวลาบดเคี้ยวอาหารก็มีแรงกระแทกสู่โพรงประสาาทฟัน จึงมีความรู้สึกเสียวฟันแปลกๆ ได้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่คนไข้เล่าให้ฟัง อาการคลุมเครือ ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน ณ จุดๆ นี้ หมอตอบได้แค่ข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น จำเป็นต้องได้รับการตรวจดูเพิ่มเติมค่ะ |
||||
ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. |