« ความเห็นที่ #16 เมื่อ: 02/08/21 เวลา 16:46:03 » |
|
on 02/05/21 เวลา 22:27:52, deksiam wrote: อาจจะต้องลองว่าช่วงไป part time บ่อยๆ ยอดคนไข้จะตกหรือเปล่า ถ้าไม่ตกก็น่าจะได้รายได้ใกล้ๆเคียงเดิม วันละ 6000-9000 ไม่หักค่าใช้จ่ายครับ ตรงค่ารอยัลตี่นี่ผมก็ไม่รู้มีหลักการประเมินยังไง แต่อยากได้เพราะถูกใจทำเล กับฐานลูกค้านิละครับ น่าจะง่ายกว่าไปเริ่มใหม่หมด เหมือนเบินเงินสดเล่นๆช่วงแรก |
| กำไรควรจะเป็น60%ครับ คาดว่ารายรับหักค่ายาน่าจะ1-1.8แสนต่อเดือน ถือว่าคุ้มค่ามากครับ ; อย่าลืมหักเงินเดือนตนเองไปด้วยครับ คิดเล่นๆว่าเราควรมีเงินเดือน เช่น 8หมื่นต่อเดือน หักค่าเช่า ค่าน้ำไฟ พนักงาน เดาๆว่า2หมื่น ดังนั้นคลินิกควรมีกำไรประมาณ2-5หมื่นต่อเดือน เอาเลขสองหมื่นละกันครับ คิดกรณีที่ลูกค้าหายไปเยอะเพราะเปลียนหมอ เราคิดว่าจะคืนทุนค่าเซ้งภายใน1ปี 20,000x12 = 240,000บาท ถ้าเป็นผมจะไม่เซ้งร้านเกินราคานี้ครับ คิดมั่วๆ ไม่มีหลักการอะไรครับ ส่วนค่ารอยอลตี้ ผมเอาเลขเงินเดือนที่คาดเดา8หมื่นมาคิดครับ จะไม่จ่ายเพิ่มเกินนี้ เพราะดูกันจริงๆ เหมือนโปรไฟล์คลินิกจะดี แต่ทำรายได้กลางๆครับ บางคลินิกตรวจโรคทั่วไป รายรับ4-8แสนต่อเดือนครับ พอบอกว่า6-9พันต่อวัน ส่วนตัวคิดว่าไม่มากพอจะเรียกค่ารอยอลตี้ แบรนด์ครับ คิดว่าจขกท.น่าจะมีเงินทุนสำรองเยอะอยู่นะครับ เพราะยังต้องลงทุนซื้อยาด้วยครับ ถ้าลูกค้าเยอะขนาด30-40คนต่อวัน อาจลงทุนยาเดือนละ5หมื่น-1แสนก็เป็นได้ครับ ยังไม่รวมค่าปรับปรุงร้านหากอยากตกแต่งใหม่ อย่างน้อยก็1แสนครับ ลงทุนค่ายาเยอะ เพราะซื้อเยอะ เหมาถูกกว่าครับ ตุนยาสัก3-6เดือนประหยัดกว่า ค่าเซ้งต่อราคาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้จะดีมากครับ -แต่พี่เขาอาจจะไปขายให้คนอื่นแทน- เพราะยังมีรายจ่ายต้องลงทุนรออยู่อีกครับ คลินิกผมใช้โปรแกรมคอมครับ ลงทุนนิดหนึ่ง แต่ชีวิตสะดวกมากครับ นอกจากจะลงทะเบียน บันทึกประวัติคนไข้ พิมพ์ใบรับรองแพทย์ ปริ้นสติกเกอร์ยา แล้วยังบันทึกรายรับด้วยครับ สามาถกำหนดต้นทุนยา พอปิดร้าน โปรแกรมจะคำนวณให้เลยว่าต้นทุนยาเท่าไร กำไรเท่าไรครับ เอาไปใช้ยื่นภาษีได้ด้วยครับ
|
|