แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 1148: สอบถามเสียวฟันแก้อย่างไร  (จำนวนคนอ่าน 3026 ครั้ง)
« เมื่อ: 03/29/11 เวลา 23:29:15 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

สวัสดีค่ะคุณหมอ
 
เนื่องจากมีอาการเสียวฟันกรามเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหารที่มีความหนาและมีความแข็ งหน่อย ทานน้ำเย็น, แปรงฟันไม่มีอาการเสียวฟันเลย แต่วันนี้ใช้ไหมขัดฟันรู้สึกเสียวนิดๆที่ร่องฟันที่ขัด .. เมื่อช่วงต้นเดือนไปหาหมอเพราะคิดว่าฟันน่าจะผุ แต่หมอบอกว่าฟันสึกไม่ใช่ฟันผุแล้วหมออุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟันให้ แต่ไม่หายกลับไปหาหมอใหม่ หมอกรอฟันให้แต่ก็ยังไม่หาย ลองใช้ยาสีฟันกันเสียวฟันมา 1 สัปดาห์ยังไม่หายจึงกลับไปหาหมออีกครั้งหมอบอกว่าต้องรักษารากฟัน  ไม่มีวิธีรักษาอย่างอื่น งงค่ะว่าฟันไม่ได้ผุทำไมต้องรักษารากฟันเลยหรือ จึงไปหาหมออีกคลีนิคหนึ่งหมอบอกว่าหน้าฟันสึกมาก ดูอาการแล้วไม่น่าต้องรักษารากฟัน การรักษารากฟันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ อาจจะเป็นที่วัสดุอุดสีเหมือนฟันที่ยังคงทำให้เกิดอาการเสียวฟัน  หมอให้เปลี่ยนยาสีฟันกันเสียวฟัน(เป็นยี่ห้อที่หายากมากของดร.จากสวิสฯ) ก่อนแล้วอีก 1 สัปดาห์กลับมาดูอาการใหม่ หมอบอกว่าถ้าไม่หายจะขอรื้อวัสดุอุดเดิมออก แล้วเปลี่ยนวัสดุอุดฟันใหม่ชั่วคราวเป็นสีเงิน ถ้าหายจะอุดให้ถาวร .. ตอนนีเพิ่งเริ่มใช้ยาสีฟันลดเสียวฟันยี่ห้อใหม่ยังไม่ทราบผล
ว่าอาการเสียวฟันลดลงหรือไม่
 
คำถามค่ะ
1. จากอาการเสียวฟันจากฟันสึก เมื่อไปอุดฟันแล้วไม่หายจะเกี่ยวข้องกับวัสดุอุดฟันหรือไม่คะ
2. พอจะมีแนวทางการรักษาอาการที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ อย่างไร (ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเชื่อหมอท่านใดดี ไม่เคยรักษากับหมอทั้ง 2 ท่านมาก่อน)
 
ขอบคุณค่ะ
ส่งโดย: nujan
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 2  
   
49.237.149.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 03/30/11 เวลา 07:42:57 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

1. เกี่ยวบ้าง โดยทฤษฎี วิธีการอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟันแบบสีเหมือนฟัน เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งอาจก่ออาการเสียวฟันในช่วงแรกๆ ได้ อีกทั้งวัสดุอุดฟันแบบสีเหมือนฟัน อาจเกิดการหดตัวระหว่างการอุด ทำให้เกิดช่วงว่างระหว่างชั้นวัสดุอุดกับเนื้อฟัน ทำให้เป็นสาเหตุของการเสียวฟันได้  
1.1 แต่วัสดุสีเหมือนฟัน ก็มีข้อดีคือ มีความยืดหยุ่น ช่วยลดปัญหาฟันแตกได้มากกว่าการอุดฟันด้วยอะมัลกัม (ซึ่งมีข้อดีเรื่องความแข็งแรง)
1.2 การเลือกวัสดุอุดฟัน กรณีปัญหาฟันสึกจากแรงบดเคี้ยว จึงต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง และประยุกต์ไปตามสถานการณ์  
2. หมอคงบอกไม่ได้ ว่าควรเชื่อหมอคนไหน แนวทางที่คุณหมอทั้ง 2 ท่านแนะนำ เป็นแนวทางปกติที่แนะนำกัน เท่าที่หมออ่าน คนไข้คงมีปัญหาฟันสึกด้านบดเคี้ยวมากพอสมควร ซึ่งถ้าพออุดฟันได้ หมอจะอุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน เพื่อสังเกตอาการไปก่อน (แต่เนื่องจากอุดฟันด้านบดเคี้ยว มันก็ต้องใช้เคี้ยว จึงหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่กระทบกระเทือนเวลาบดเคี้ยว) จากนั้น ถ้าการอุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน ไม่ดีขึ้น ก็อาจเปลี่ยนเป็นวัสดุอะมัลกัม ซึ่งมีความแข็งแรงสูงกว่า แต่ก็จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาฟันแตกได้มากกว่านะคะ (หรือคนไข้อาจมีปัญหาฟันแตกอยู่แล้วก็ได้  หมอแนะนำว่าไม่ควรขบเคี้ยวฟันเล่น หรือทดสอบด้วยตนเอง เพราะแรงเค้นต่อฟันจะทำให้เกิดฟันแตกร้าวลึกได้ ให้สังเกตว่าหากอาการรุนแรงขึ้น จากเจ็บฟันเวลากัดฟัน เป็น อยู่ดีๆ ก็ปวดฟันขึ้นได้ หรือเจ็บจี๊ดเลย เวลากัดถูกจุดใดจุดหนึ่ง เหมือนลักษณะ ลิ่มแทงตรงไปตรงจุดนั้น แสดงว่าอาการแย่แล้ว คนไข้อาจมีปัญหาฟันแตกอยู่ภายใน ซึ่งรักษายากมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยหาย สุดท้ายอาจต้องถอนฟันออก)
 
เมื่ออุดฟันด้วยอะมัลกัมแล้วยังไม่ได้ผล ก็ใช้วิธีสังเกตอาการไปเรื่อยๆ เพราะมันสุดทางแล้ว การรักษารากฟันจะเป็นวิธีการสุดท้าย หากคนไข้เลือกการรักษารากฟัน คนไข้ต้องระวังเรื่องฟันแตกมากขึ้น เพราะแรงบดเคี้ยวที่สูง จนทำให้ฟันสึกได้ขนาดนั้น อาจทำให้ฟันที่รักษารากฟัน แตกที่ราก ซึ่งจะรักษาอะไรไม่ได้อีกแล้ว ต้องถอนฟันสถานเดียว
 
การรักษารากฟัน อาจไม่ได้วิธีการรักษาที่เด็ดขาด ยังเกิดอาการเสียวฟันได้อีก จากแรงบดเคี้ยวที่ไปที่รากฟัน คนไข้ต้องพึงระวังไว้ในการใช้งานฟัน คนไข้ควรทำครอบฟันเพื่อเพิ่มความปกป้องฟัน
 
การใช้ยาสีฟันลดการเสียวฟันยี่ห้อต่างๆ ก็มีผลประโยชน์อยู่บ้าง โดยทฤษฎี ยาสีฟันลดการเสียวฟัน มีสารเคมีบางตัวที่มีฤทธิ์ไปปิดผิวเคลือบฟัน เพื่อลดปฏิกิริยาตอบสนองของประสาทฟัน จึงช่วยลดอาการเสียวฟันได้ ซึ่งการตอบสนองของคนไข้แต่ละคนก็ไม่เท่ากัน อีกทั้ง ต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานหลายเดือน จึงจะเห็นผลได้  
 
เนื่องจากหมอไม่ได้ตรวจรักษาคนไข้ด้วยตนเอง สิ่งที่หมอเล่าให้ฟังเป็นข้อมูลทั่วไปที่พอจะอธิบายได้ ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับตัวคนไข้เอง คนไข้ควรไปหาคุณหมอตัวเป็นๆ เพื่อตรวจดูอย่างละเอียด หากคนไข้ยังไม่มั่นใจในผลการตรวจของคุณหมอ 2 ท่านแรก หมอแนะนำให้ไปหาคุณหมออีกหลายๆ ท่าน หาจนกว่าคนไข้จะได้ข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจในการรักษาอะไรลงไป นะคะ  
 
 Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 03/30/11 เวลา 08:00:37 by หมอหนิง »
ส่งโดย: หมอหนิง
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 9097  
   
110.168.181.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 03/30/11 เวลา 22:32:01 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณคำแนะนำของคุณหมอมากๆค่ะ
ส่งโดย: nujan
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 2  
   
223.24.142.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by